ไอที
Special Report: ทำความรู้จักกับ "Tencent" บริษัทเทคฯทรงอิทธิพลของโลกสัญชาติจีน


 

หากพูดถึงนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในจีน ก็คงหนีไม่พ้น แจ็ค หม่า ผู้ร่วมก่อตั้งอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง Alibaba ศูนย์กลางการค้าออนไลน์ที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่หากไม่ได้วัดกันที่ชื่อเสียงของบุคคล แต่วัดไปถึงความยิ่งใหญ่ของมูลค่าของขนาดทรัพย์สิน บริษัทที่กุมบังเหียนของสื่อโซเชียลของจีนและเกมออนไลน์เจ้าใหญ่ระดับโลกก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก บริษัท Tencent ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแอพลิเคชั่น WeChat QQ หรือเกมชื่อดังอย่าง League of Legends และ ROV

Tencent เป็นบริษัทสายเทคฯยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ที่เริ่มต้นจากการให้บริการโปรมแกรมแชตในคอมพิวเตอร์ QQ และพัฒนาแอปลิเคชั่นสำหรับการแชทสนทนาเพื่อตอบโจทย์ยุคของการใช้สมาร์ทโฟนที่เรียกว่า WeChat เพิ่มขึ้นมาภายหลังในปี 2011ซึ่งเป็นช่องทางการสนทนาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจีน (เทียบเท่ากับที่คนไทยใช้ Line) โดยปัจจุบัน WeChat มีผู้ใช้มากกว่า 1,000 ล้านคน อีกทั้งยังนำโปรแกรม QQ มาพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มแชทอีกตัว เท่ากับว่า Tencent นั้นครองสัดส่วนแพลต ฟอร์มแชทแต่เพียงผู้เดียวในจีนเลยก็ว่าได้ และนอกจาก WeChat จะเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการสนทนาแล้ว ก็ยังขยายตลาดมาทำธุรกิจ Fintech หรือนวัตกรรมการเงินทางออนไลน์ที่ส่งเสริมให้จีนกลายเป็นสังคม Cashless Society โดยมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า WeChat Pay นำการผนวกเอาบริการต่างๆ เข้ามาไว้ใน WeChat เป็นแอปเดียว ทั้งการโอนเงินออนไลน์ การเรียกรถแท็กซี่ สั่งอาหาร Delivery จองตั๋วเครื่องบิน หรือเป็นช่องทางการซื้อสินค้าอีคอมเมิร์ซ ก็สะดวกครบในแอปเดียว แม้จะยังเป็นรอง Alipay ของ Alibaba ที่เป็นอันดับ 1 ของ Fintech ในจีน แต่เนื่องด้วย Tencent ทำธุรกิจหลายประเภท ฉะนั้นความยิ่งใหญ่ของ Tencent จึงมากกว่า Alibaba อย่างมากเลยทีเดียว

ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จของ Tencent นั้น ได้รับการขับเคลื่อนจาก Ma Huateng หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า โพนี หม่า ซึ่งอาจจะไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นักหากเทียบกับแจ็ค หม่า เนื่องจากเขาเป็นนักธุรกิจที่ไม่ค่อยออกสื่อ แต่หากดูจากรายชื่อการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีโลก โพนี หม่า จัดเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของจีน มีทรัพย์สินสุทธิ 3.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ทิ้งห่างจากแจ็คหม่า มหาเศรษฐีอันดับ 9 ในจีน ที่มีทรัพย์สินสุทธิ 2.28 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

และนอกจากจะทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อโซเชียล และบริการเงินทางออนไลน์แล้ว Tencent ก็ยังขยายความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรตัวเองไปยังตลาดเกมออนไลน์อีกด้วย โดยแรกเริ่ม Tencent ใช้วิธีซื้อ License เกมจากบริษัทต่างประเทศ ทั้งในญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ มาให้บริการกับผู้เล่นชาวจีน เริ่มพัฒนาเกมของตัวเอง และการเข้าไปลงทุนในบริษัทเกมต่างประเทศหลายราย เช่นเข้าไปซื้อหุ้นทั้งหมดของ Riot Games บริษัทเกมสัญชาติอเมริกัน ที่เป็นเจ้าของเกม League of Legends เกมที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก การเข้าซื้อบริษัทเกมรายใหญ่ Supercell ของฟินแลนด์ ที่มีเกมดังระดับโลกได้อย่าง Hayday หรือ Clash Royal เป็นต้น อีกทั้งจีนนั้นให้ความสำคัญกับกีฬา E-Sports อย่างมาก ทำให้ Tencent ผู้เป็นแนวหน้าของวงการเกมออนไลน์ระดับโลก ก็ไ้ด้ก่อตั้งบริษัทอีสปอร์ตขึ้นมาอีกด้วย

ซึ่งการที่ Tencent มีรายได้กอบโกยเข้ามาบริษัทอย่างมหาศาล ก็ทำให้มีการนำเงินไปกระจายลงทุนยังบริษัทอื่นๆทั้งในและนอกประเทศอีกด้วย เช่นการลงทุนในบริษัท JD.com ซึ่งเป็นเบอร์สองรองจาก Alibaba ปัจจุบันมีหุ้นประมาณ 15% ลงทุนแอปเรียกรถแท็กซี่ในจีน Didi 20 % ในอินเดียอย่างแอป Ola และในอีกหลายๆประเทศ ถือหุ้น Tesla 5% และยังไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจไอที อย่างอสังหาริมทรัพย์ สุขภาพ ฯลฯ รวมถึงเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทสื่ออเมริกันอย่าง HBO, NBA, Warner Bros. เพื่อเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงรายเดียวในประเทศจีนอีกด้วย 

นับตั้งแต่อดีตมาจนถึงตอนนี้ Tencent มีการพัฒนาและแตกไลน์ธุรกิจในหมวดไอทีอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเพิ่มแอป Streaming Video เพลงออนไลน์ อีบุ๊กส์ รวมถึงซอฟต์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์และมือถือที่หลากหลาย อย่าง เว็บเบราว์เซอร์ แอนตี้ไวรัส และแอพสโตร์ในประเทศจีนอีกด้วย เพื่อเป้าหมายของบริษัทในการสร้าง Ecosystem ของตัวเองให้ครอบคลุม ด้วยการเข้าไปเป็นเจ้าของในสื่อหลาย ๆ ด้านให้ได้มากที่สุด ทำให้ Tencent เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่กว่า GDP ของไทย โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดของ Tencent อยู่ที่ 5.69 แสนล้านเหรียญ (18.7 ล้านล้านบาท) ซึ่งเคยขึ้นไปเป็นเบอร์ 1  ของการเป็นบริษัทที่มูลค่าสูงสุดในจีนอีกด้วย ก่อนมีการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนไปเมื่อปี 2020 ที่ทำให้หุ้นของบริษัทตกลงไป แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ด้วยเป้าหมายเชิงรุกและการตั้งรับเพื่อปรับโครงสร้างใหม่ในอุตสาหกรรมประเทศจีนของ Tencent รวมถึงการครองสัดส่วนผู้ใช้ในจีนอยู่ ก็ถือได้ว่าตอนนี้เป็น Timing ที่ดี หากจะลงทุนบริษัทเทคฯที่อนาคตไกลสักตัวหนึ่ง
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 ก.ย. 2566 เวลา : 21:30:57
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 6:37 am