SET แม้ได้ sentiment ลบ จากตลาดหุ้นสหรัฐปรับลง หลังกลับมากังวลเรื่องดอกเบี้ยระดับสูง อย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคดัชนีเริ่มทรงตัวได้ที่แนวรับ 1540 และถัดไปที่ 1535 จุด ที่คาด downside จำกัด และภาพรวมมีโอกาสฟื้นตัวได้ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1555 จุด หากขึ้นทะลุผ่านจะเห็นการฟื้นตัวชัดขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1560 จุด
ประเด็นสำคัญ
• เปิดร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลวางนโยบายเร่งด่วน เติมงินดิจิทัล 1 หมื่นบ.-แก้หนี้-ลดค่าพลังงาน-ผลักดันท่องเที่ยว-ร่างรธน.ใหม่ ขณะที่นโยบายระยะยาวเสริมขีดความสามารถให้ ปชช.-สร้างรายได้
• รมช. คลังระบุจ่ายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบ. ผ่านบล็อกเชนรอบเดียว ร้านโชห่วย-สะดวกซื้อ-ห้างใหญ่ ใช้ได้หมด รวมถึงเติมน้ำมัน ยกเว้นสินค้าอบายมุข คาดกระตุ้น ศก. 2 ล้านลบ. หนุน GDP ปีหน้าโต 5%
• กรมสรรพสามิตเตรียมเสนอลดภาษีสรรพสามิตลิตรละ 2 บ. จาก 6 บ. เพื่อให้ราคาขายปลีกดีเซลไม่เกิน 30 บ. ตามนโยบายรัฐบาล
• สนพ. ระบุยอดใช้พลังงาน 1H66 เพิ่มขึ้น 2.5% จาก ศก. ในประเทศปรับตัวดีขึ้น คาดทั้งปีการใช้พลังงานจะโต 2.1% คาดราคาน้ำมันดิบอยู่ในกรอบ 77-87 เหรียญต่อบาร์เรล
• BOI ระบุ 8M66 ไต้หวันลงทุนอุตฯอิเล็กทรอนิกส์ในไทยกว่า 3 หมื่นลบ. ทั้งแผ่นวงจรพิมพ์ โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
• สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ใน ก.ค. แต่ต่ำกว่าคาดที่ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ นำเข้า +1.7% ส่งออก +1.6%
• ราคาหุ้น AAPL ลดลง 3.58% หลังมีข่าวจีนสั่งห้ามไม่ให้ จนท. ของรัฐบาลใช้โทรศัพท์ iPhone ในการทำงาน ส่งผลต่อแอปเปิ้ลซึ่งครองตลาดสมาร์ตโฟนมากสุดและเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่สุดของแอปเปิ้ล
• Tencent Holdings เตรียมเปิดตัว AI chatbot ในวันนี้ หลังรัฐบาลจีนอนุญาตให้ประชาชนใช้งานได้
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1550-1600 ระหว่างรอรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายบริหารประเทศ ทั้งนี้แม้ภาพรวมบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะได้รับ sentiment เชิงบวกจากสถานการณ์การเมืองที่ชัดเจนขึ้น และคาดจะเห็น Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงด้านภาคบริการและการค้าของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง รวมถึงภาวะเงินฝืด น่าจะยังเป็นแรงกดดัน SET ให้มี Upside จำกัด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งในกรอบรอรัฐบาลใหม่แถลงนโยบาย แต่ยังมีความเสี่ยงภายนอกกดดัน Upside กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นที่เหมาะลงทุนระยะกลาง แนะนำ 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรม ซึ่งคาด 2H66 กำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW
2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ โดยราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นช้า เลือก มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL CPAXT HTC CRC) มาตรการกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (GULF KTB) และเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ (LH)
3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK CPN
ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
DAILY FOCUS
BDMS 2H66 คาดกำไรจะดีขึ้น HoH ตามฤดูกาล และเติบโต YoY แรงหนุนจากแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 30% (จาก 28% ใน 1H66) หนุนให้ปี 66 คาดกำไรปกติจะเติบโต 12%YoY สู่ระดับ 1.4 หมื่นลบ.
BCP คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรระยะยาว โดยจะมี ESSO เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ขณะที่ 3Q66 คาดกำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แรงหนุนจาก GRM และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
ข่าวเด่น