ปัจจัยภายนอก มี sentiment ลบ กลับมากังวลเฟดจะคงดอกเบี้ยระดับสูงนานขึ้น ส่วนปัจจัยภายใน รอแถลงนโยบายรัฐบาลในสัปดาห์หน้าวันที่ 11-12 ก.ย. ทำให้คาด SET แกว่งในกรอบ 1540-1555 จุด อย่างไรก็ตาม ภาพรวมคาดว่ามี downside จำกัด บริเวณ 1540-1545 จุด และฟื้นตัวได้ โดยหากขึ้นทะลุผ่าน 1555 จุด จะเป็นสัญญาณที่ดี
ประเด็นสำคัญ
• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐลดลงต่ำสุดรอบ 7 เดือน ส่งผลให้กังวล Fed จะตรึง ดบ. ระดับสูงนานกว่าที่คาด
• ยอดส่งออก ส.ค. ของจีนลดลง 8.8% ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากอุปสงค์สินค้าจีนใน ตปท. ชะลอตัวลง ส่วนยอดนำเข้าลดลง 7.3%
• ญี่ปุ่นรายงาน GDP 2Q66 เติบโต 4.8% ลดลงจากการคาดการณ์เบื้องต้นที่จะเติบโต 6.0% เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศและการลงทุนยังอ่อนแอ
• กกร. ระบุ GDP ไทย 2Q66 อ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด โตเพียง 1.8% ต่ำกว่าคาดที่ 3.1% ทำให้ปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลงเหลือโต 2.5-3.0% จากเดิม 3.0-3.5% โดยปรับลดการส่งออกเป็น -2% ถึง -0.5% จากเดิม -2 ถึง 0%
• รมว.อุตสาหกรรมระบุเดินหน้าแพคเกจ EV 3.5 ดึงเทสลาลงทุนไทย ส่งเสริมระเบียง ศก. 4 ภาค ปลดล็อกอุปสรรคส่งออกอาหารฮาลาล ทำทันทีภายใน 3 เดือน
• Gia Corp. จากเกาหลีใต้ มีแผนสร้างโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในไทย กำลังการผลิต 2.5 แสนคัน/ปี ขณะที่ศรีลังกายกเลิกมาตรการห้ามนำเข้ารถบรรทุกและยานยนต์ขนาดใหญ่ หลัง ศก. เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน
มอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1550-1600 ระหว่างรอรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายบริหารประเทศ ทั้งนี้แม้ภาพรวมบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะได้รับ sentiment เชิงบวกจากสถานการณ์การเมืองที่ชัดเจนขึ้น และคาดจะเห็น Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงด้านภาคบริการและการค้าของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง รวมถึงภาวะเงินฝืด น่าจะยังเป็นแรงกดดัน SET ให้มี Upside จำกัด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งในกรอบรอรัฐบาลใหม่แถลงนโยบาย แต่ยังมีความเสี่ยงภายนอกกดดัน Upside กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นที่เหมาะลงทุนระยะกลาง แนะนำ 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรม ซึ่งคาด 2H66 กำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW
2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ โดยราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นช้า เลือก มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ (CPALL CPAXT HTC CRC) มาตรการกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (GULF KTB) และเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ (LH)
3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลกลับ เลือก KBANK CPN
ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
DAILY FOCUS
CPALL 3Q66 คาดกำไรจะเติบโต YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่โตต่อเนื่องในธุรกิจ CVS รวมทั้งมีส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT ที่ดีขึ้นจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังรีไฟแนนซ์เสร็จใน เม.ย. ขณะที่ Valuation น่าสนใจ และยังไม่สะท้อนโมเมนตัมกำไรที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง
NYT มองราคาหุ้นจะได้ Sentiment บวก หลังล่าสุดรัฐบาลใหม่มีแผนเดินหน้าแพคเกจอีวี 3.5 ซึ่งหนุนการลงทุน และศรีลังกาประกาศยกเลิกห้ามนำเข้ารถบรรทุกจากต่างประเทศซึ่งถือเป็นโอกาสดีต่อการขยายตลาดส่งออกรถยนต์ไทย ทั้งนี้แนะนำซื้อในราคาไม่เกิน 4.10 บาท
ข่าวเด่น