เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ยังมองมี downside จำกัด"


มอง SET กำลังสร้างฐานบริเวณแนวรับ 1540-1545 จุด ซึ่งมองดัชนีมี downside จำกัด บริเวณดังกล่าว ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1555 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเห็นการฟื้นตัวชัดขึ้น และมีแนวต้านถัดไปที่ 1560 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามการแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ และพรุ่งนี้ รวมถึง 13 ก.ย. รายงานเงินเฟ้อสหรัฐ

ประเด็นสำคัญ
 
• ติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันนี้และพรุ่งนี้ หลังจากนั้นจะเป็นการประชุม ครม. อย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ก.ย. คาดมีนโยบายเร่งด่วนหลายเรื่องที่จะนำเข้าพิจารณา
 
• คลังเตรียมเดินหน้าแก้หนี้เกษตรกร เร่งออกมาตรการพักทั้งเงินต้น-ดบ. เป็นเวลา 3 ปี เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ขณะที่รัฐบาลยังห่วงหนี้สินเชื่อรถยนต์สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทางแก้ปัญหา
 
• สนพ.เตรียมเสนอ รมว. พลังงานปรับแผน PDP ก่อนเสนอ ครม.เห็นชอบ หลังปริมาณ EV เพิ่มขึ้น คาดยอดใช้ไฟฟ้าช่วงกลางคืนพีกสุดในปี 2570 ส่วนปี 2566 ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 2.4%
 
• กสทช. ระบุยังไม่นำคลื่นความถี่ย่าน 3500MHz มาจัดสรร มองภาวะตลาดยังไม่ตอบรับ อีกทั้งใบอนุญาตที่ประมูลไปแล้วยังไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ
 
• คาดนโยบายลดราคาน้ำมันดีเซล ภาครัฐจะไม่แทรกแซงค่าการตลาด จากปัจจุบันที่ราว 2 บ./ลิตร เบื้องต้น ก.พลังงานจะใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลหลังสิ้นสุดมาตรการไปเมื่อ 21 ก.ค. 66
 
• ปธน. ไบเดน กล่าวว่า ศก. จีนที่ปรับตัวลดลงและอ่อนแออาจบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จีนจะบุกรุกไต้หวัน
 
• CPI จีนปรับขึ้น 0.1% ในเดือน ส.ค. แรงกดดันด้านเงินฝืดลดลง ขณะที่สื่อการเงินของจีนเผยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการปล่อยสินเชื่อในเดือน ส.ค.

กลยุทธ์การลงทุน

มองบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะมี Downside จำกัด และปรับตัวอยู่ในกรอบ 1540-1600 จุด โดยมีแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ในวันที่ 11-12 ก.ย. และราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงาน อีกทั้งยังมีการเปิดตัว Iphone15 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ อาทิ เงินเฟ้อสหรัฐ (ตลาดคาดทรงตัว) และการประชุมนโยบายการเงินของ ECB (ตลาดคาดคงดอกเบี้ย) กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “Selective Buy”   

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งในกรอบและมี Downside จำกัด แรงหนุนจากมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นที่เหมาะลงทุนระยะกลาง แนะนำ 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรม ซึ่งคาด 2H66 กำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW

2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ ซึ่งเน้นเรื่อการกระตุ้นกำลังซื้อและหนุนท่องเที่ยว เลือก CPALL CPAXT HTC OSP   

3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์เปิดตัว Iphone15 เลือก COM7 SYNEX

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY FOCUS

AOT เราชอบ AOT เนื่องจากคุณภาพกำไรสูงและราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นมาก โดยผลประกอบการ 4QFY66 (ก.ค. – ก.ย. 66) คาดจะเติบโต QoQ และ YoY จากการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารระหว่างประเทศ อีกทั้งกลับมาเก็บ Minimum guarantee ตั้งแต่ เม.ย. 66

BCP คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรระยะยาว โดยจะมี ESSO เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ขณะที่ 3Q66 คาดกำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แรงหนุนจาก GRM และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 ก.ย. 2566 เวลา : 12:43:48
28-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 28, 2024, 2:44 am