เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "หากขึ้นทะลุ 1550 จุด เป็นสัญญาณบวก"


SET เริ่มฟื้นตัว และเช้านี้คาดได้ sentiment บวก จากตลาดหุ้นสหรัฐให้ฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านสำคัญบริเวณ 1550 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกในภาพรวม และมีแนวต้านถัดไปที่ 1560 จุด ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1540 จุด และบริเวณ 1530 จุด ที่คาดมี downside จำกัด


ประเด็นสำคัญ
 
• สหรัฐรายงานตัวเลข ศก. แข็งแกร่ง โดยยอดค้าปลีก ส.ค. +0.6% สูงกว่าคาด, จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วต่ำกว่าคาด ขณะที่ดัชนี PPI ส.ค. +1.6%YoY สูงกว่าคาด
 
• ECB ปรับขึ้น ดบ. 0.25% โดย ดบ. รีไฟแนนซ์ อยู่ที่ 4.5% ดบ. เงินกู้อยู่ที่ 4.75% ดบ. เงินฝากอยู่ที่ 4% เป็นการขึ้น ดบ. ครั้งที่ 10 และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมส่งสัญญาณยุติวงจรการขึ้น ดบ. 
 
• PBOC ประกาศลด RRR เป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ 0.25% มาอยู่ที่ 7.4% หวังกระตุ้นสภาพคล่องใน ปท.
 
• พาณิชย์ เตรียมปรับลดราคาสินค้าภายใน 15 วัน รับมาตรการลดราคาน้ำมัน-ค่าไฟ ดูแลราคาสินค้าเกษตร ยืนยันไม่ใช้นโยบายรับจำนำ หนุนกระแสซอฟต์เพาเวอร์ช่วยยอดส่งออกทั้งปีพลิกโตบวก
 
• ธปท. ระบุ bond yield 10 ปี แตะ 3% สะท้อนความกังวลอุปทานใหม่เพิ่ม คาดอาจไปถึง 4-5% ด้าน ThaiBMA ระบุตลาดรอดูแผนการกู้เงินรัฐ โดย yield ที่พุ่งขึ้น ทำต้นทุนรัฐเพิ่มตามด้วย
 
• ม. หอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค. 66 เพิ่มจาก ก.ค. 66 ผลจากการตั้ง รบ. ใหม่ได้เร็ว มองการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคตหลังสลายขั้วการเมือง
 
• CRC เตรียมเปิดตัว GO Wholesale ธุรกิจศูนย์ค้าส่งสินค้าระบบสมาชิกในราคาขายส่ง เน้นสินค้ากลุ่มอาหาร เราคาดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจะมีจำกัดในระยะสั้น เนื่องจากมีแผนเปิดร้าน Go Wholesale เพียง 4 สาขาในปี 2566

กลยุทธ์การลงทุน

มองบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะมี Downside จำกัด และปรับตัวอยู่ในกรอบ 1540-1600 จุด โดยมีแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ และราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงจะช่วยหนุนกลุ่มพลังงาน อีกทั้งยังมีการเปิดตัว iPhone15 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ อาทิ เงินเฟ้อสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของ ECB กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “Selective Buy”   

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งในกรอบและมี Downside จำกัด แรงหนุนจากมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นที่เหมาะลงทุนระยะกลาง แนะนำ 8 หุ้นเด่นใน 4 อุตสาหกรรม ซึ่งคาด 2H66 กำไรจะเติบโต HoH และ YoY เลือก PTT BCP KCE HANA BDMS BCH AOT ERW

2) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ ซึ่งเน้นเรื่อการกระตุ้นกำลังซื้อและหนุนท่องเที่ยว เลือก CPALL CPAXT HTC OSP   

3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์เปิดตัว iPhone15 เลือก COM7 SYNEX

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY FOCUS

KTB 3Q66 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น 22%YoY (NII สูงขึ้น) และ 2%QoQ (NII สูงขึ้น, ECL สูงขึ้น, opex สูงขึ้น) อีกทั้งมอง Valuation ถูก โดยเทรด PBV 0.6 เท่า เทียบกับ ROE 10% และ PE 6.3 เท่า สำหรับปี 2024 นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ

TOP ค่าการกลั่น 3Q66TD ฟื้นตัว คาดช่วยผลักดันผลประกอบการ อีกทั้งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นหนุนกำไรสต็อกน้ำมัน มองราคาหุ้นอ่อนตัวสะท้อนความกังวลเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลซึ่งปัจจุบันควบคุมได้แล้ว โดย TOP มีประกันหลายฉบับช่วยครอบคลุมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ก.ย. 2566 เวลา : 10:55:34
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 11:49 pm