เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "เปิดด้าน downside ต่อ"


 

SET หลุดต่ำกว่า 1530 จุด สร้างสัญญาณลบทางเทคนิค และเปิดด้าน downside ให้มีโอกาสปรับลงได้ต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1520 และ 1515 จุด ตามลำดับ ส่วนการฟื้นตัวถูกจำกัดที่กรอบบน 1543 และ 1550 จุด ตามลำดับ ต้องกลับมาขึ้นทะลุผ่านก่อนถึงจะเป็นสัญญาณที่ดี

ประเด็นสำคัญ
 
• ครม. เห็นชอบลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.99 บ./หน่วย รอบบิลงวด ก.ย.-ธ.ค.66 มีผลทันที และอยู่ระหว่างเร่งพิจารณาลดราคาน้ำมันเบนซินเพื่อให้มีผลทันปลายปีนี้
 
•  สภาพัฒน์คงประมาณการ GDP ปีนี้โต 2.5-3% โดยต้องติดตามผลของมาตรการกระตุ้น ศก. - การส่งออก ขณะที่ผลสำรวจพบว่าคนไทยออมเงินน้อยลง แต่ความยากจนปรับตัวดีขึ้น
 
•  FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 99% คาดว่า Fed จะคง ดบ. ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุม 19-20 ก.ย. นี้ และให้น้ำหนัก 69% ที่จะคง ดบ. ในการประชุมเดือน พ.ย.
 
•  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสหรัฐ ก.ย. ปรับลดลง 5 จุด สู่ระดับ 45 ซึ่งเป็นการลดลงต่ำกว่าระดับ 50 ครั้งแรกในรอบ 7 เดือน บ่งชี้มุมมองลบของกลุ่มผู้สร้างบ้าน
 
•  EIA คาดการผลิต Shale Oil ในภูมิภาคต่าง ๆ ของสหรัฐจะลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนต.ค. และแตะที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2566
 
•  จีนรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรม ส.ค. ขยายตัว 4.5%YoY และ ยอดค้าปลีก ส.ค. ปรับขึ้น 4.6%YoY ดีกว่าตลาดคาด
 
•  Apple เลื่อนการจัดส่ง iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ในบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ UK จีน และอินเดีย นานสุด 8 สัปดาห์ จากเดิมกำหนดส่งมอบเครื่อง 22 ก.ย. หลังมีความต้องการซื้อสูง

กลยุทธ์การลงทุน
 
มอง SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1540-1580 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน โดยในประเทศรอติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่ต่างประเทศอยู่ระหว่างจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ นำโดย FED (21 ก.ย.) BoE (21 ก.ย.) และ BoJ (22 ก.ย.) ทั้งนี้ InnovestX คาด FED จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด ขณะที่ BoE และ BoJ จะยังดำเนินการใช้นโยบายการเงินตึงตัวต่อไป ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ภาพรวมบรรยากาศลงทุนยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และอยู่ระหว่างรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ อาทิ FED, BoE, BoJ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นที่คาดได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (ลดค่าไฟและราคาน้ำมันดีเซล พักหนี้เกษตรกรฯ ยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวจีน) อีกทั้ง 2H66 คาดกำไรจะเติบโต YoY หรือกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เลือก CPALL CRC OSP HTC AOT ERW KCE HANA

2) หุ้น Top Picks กลยุทธ์การลงทุน 4Q66 เลือก AOT BCH CRC KCE KTB  

3) หุ้นเก็งกำไรจากกำลังซื้อตะวันออกกลางที่ดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น (ธีมปิโตรดอลลาร์) เลือก AH BH PTTEP BCP

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY FOCUS

OSP เป็นหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (อาทิ ลดค่าไฟและกระตุ้นท่องเที่ยว) ขณะที่เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของส่วนแบ่งการตลาดและกำไรสุทธิในปี 2566 ที่คาดเติบโต 43.8%YoY และเติบโตต่อ 7.8%YoY ในปี 2567

BCH 3Q66 คาดกำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น QoQ และทำจุดสูงสุดของปีนี้ใน 4Q66 แรงหนุนจากจำนวนผู้ป่วยคนไทยที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และรายได้จากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการปรับค่าเหมาจ่ายรายหัวผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น 10% ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 66
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ก.ย. 2566 เวลา : 10:13:07
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 11:55 pm