แบงก์-นอนแบงก์
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แนวรับถัดไป 1480 จุด เพื่อลุ้นฟื้นตัว"


SET หลุดแนวรับจิตวิทยาบริเวณ 1500 จุด สร้างสัญญาณลบ และ sentiment ลบ จากตลาดหุ้นสหรัฐ เป็นปัจจัยกดดันดัชนีให้ปรับลงต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1490 และ 1480 จุด ตามลำดับ ใช้เป็นจุดติดตามถัดไป สำหรับโอกาสในการฟื้นตัวกลับ ด้านกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1500 และ 1508 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

•จนท. Fed หลายราย อาทิ นางมิเชล โบว์แมน สมาชิกคณะผู้ว่าการ Fed นางซูซาน คอลลินส์ ปธ. Fed สาขาบอสตัน และนายออสเตน กูลสบี ปธ. Fed สาขาชิคาโก สนับสนุนให้ Fed เดินหน้าปรับขึ้น ดบ. ต่อไปเนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

•Moody's เตือนว่า การปิดการดำเนินงานของรัฐบาลสหรัฐที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ 1 ต.ค. นี้  อาจส่งผลเสียต่อเครดิตของประเทศ

•ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.ย. ปรับลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าคาด จากความกังวลเงินเฟ้อ, การปรับขึ้น ดบ. Fed และความวิตกเกี่ยวกับการชัตดาวน์ในวันที่ 1 ต.ค.

•ครม.มีมติ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 - 30 ก.ย.67 พักชำระหนี้ให้เกษตรรายย่อย (หนี้เงินต้นไม่เกิน 3 แสนบาท) ราว 2.7 ล้านราย ยอดหนี้เงินต้นราว 2.83 แสนลบ. โดยรัฐบาลจะชดเชย ดบ. เงินกู้แทนเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. 4.50% ต่อปี คิดเป็น 1.1 หมื่นลบ. ต่อปี

•วันนี้ รมว.พาณิชย์เจรจาเอกชนขอความร่วมมือลดราคาสินค้าช่วยผู้บริโภคหลังน้ำมัน-ค่าไฟลง เตรียมให้ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่จัดโปรโมชันลดสินค้าทั่ว ปท.

•พาณิชย์รายงานมูลค่าตัวเลขส่งออก ส.ค.66 +2.6%YoY ดีกว่าคาด พลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 11 เดือน จากผลของกลุ่มสินค้าเกษตรที่กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 4 เดือน และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

•ธปท. ผ่อนคลายการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอก ปท. เพื่อเพิ่มความคล่องตัว ลดภาระด้านเอกสาร

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ตั้งแต่เข้าสู่เดือน ก.ย. SET อยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากตลาดกังวลการก่อหนี้และความไม่ชัดเจนในนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล อีกทั้งเงินบาทยังอ่อนค่าและ Fund Flow ไหลออก แต่อย่างไรก็ดี มองตลาดกำลังก้าวสู่สัปดาห์สุดท้ายของ ก.ย. (สิ้นสุด 3Q66) ซึ่งคาดจะเป็นจุดต่ำสุด และจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นใน ต.ค. จากคาดหวังมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” 

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : มองตลาดก้าวสู่สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย. (สิ้นสุด 3Q66) ซึ่งคาดจะเป็นจุดต่ำสุด และจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นใน ต.ค. จึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้ 

1) หุ้นเก็งกำไร โดยคาดราคาหุ้นจะรีบาวน์ได้หลังปรับลงแรงกว่า SET และ Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก CPALL HMPRO CPN OSP BDMS MINT 

2) หุ้นเก็งกำไรในธีมปิโตรดอลลาร์ โดยได้อานิสงส์จากกำลังซื้อของตลาดตะวันออกกลางดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 10%QoQ ใน 3Q66 เลือก BH (ผู้ป่วยตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น) PTTEP (ราคาน้ำมันขึ้น) BCP (ราคาน้ำมันและกำไรสต็อกดีขึ้น) 

3) หุ้นซื้อลงทุน โดยคาดผลการดำเนินงาน 3Q66 จะมีเติบโตดี และยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องใน 4Q66 เลือก BCH HANA KCE AOT ERW

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY FOCUS

BCH 3Q66 คาดกำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น QoQ และทำจุดสูงสุดของปีนี้ใน 4Q66 แรงหนุนจากจำนวนผู้ป่วยคนไทยที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และรายได้จากบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการปรับค่าเหมาจ่ายรายหัวผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น 10% ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 66

BCP คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรระยะยาว โดยจะมี ESSO เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ขณะที่ 3Q66 คาดกำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แรงหนุนจาก GRM และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 ก.ย. 2566 เวลา : 10:44:40
26-06-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ June 26, 2024, 6:58 pm