เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "สร้างฐานให้ได้ก่อน"


 
SET ทำจุดต่ำไว้ที่ 1488 จุด และฟื้นตัว ซึ่งใช้เป็นจุดติดตาม หากไม่ต่ำกว่า ถือว่าเริ่มเป็นสัญญาณที่ดีต่อการสร้างฐานได้ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1508 และจุดติดตามที่กรอบบนบริเวณ 1515 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้จะเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น ทั้งนี้ S50U23 จะหมดอายุในวันนี้ อาจทำให้ตลาดมีความผันผวนได้

ประเด็นสำคัญ
 
• กนง. มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้น ดบ. นโยบาย 0.25% เป็น 2.50% พร้อมปรับลดเป้า GDP ปีนี้เหลือ 2.8% จาก 3.6% และปีหน้าที่ 4.4%
 
• ธปท. ระบุขณะนี้รายละเอียดมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบ. ยังไม่ชัดเจนแต่คาดไม่กระทบเครดิต ปท. หนุน GDP ปีหน้าโตราว 4%
 
• วันนี้ ปธ. Fed จะจัดประชุมแบบทาวน์ฮอลล์ร่วมกับนักวิชาการเพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทาง ดบ. ของ Fed
 
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาด ขณะที่ IEA ระบุการปรับลดอุปทานน้ำมันของซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย จะทำให้ตลาดเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันใน 4Q66
 
• สหรัฐมีแนวโน้มขยายเวลาอย่างไม่มีกำหนดในการให้สิทธิ์ยกเว้นกับ Samsung Electronics และ SK Hynix ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปของเกาหลีใต้ในการส่งอุปกรณ์ชิปของสหรัฐไปยังจีนโดยไม่ต้องขอใบอนุญาต
 
• กำไรบริษัทในภาคอุตฯ จีน ส.ค. พุ่งขึ้น 17.2%YoY หลังปรับลง 6.7% ใน ก.ค. ขณะที่ PBOC ให้คำมั่นว่าจะผลักดันการลงทุนของรัฐบาล และใช้นโยบายกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชน
 
• รัสเซียเตรียมสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นหลังปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา
 
• JP Morgan คาดอินเดียอาจติด 1 ใน 3 ของตลาดที่โตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปีหน้า ควบคู่ไปกับออสเตรเลียและญี่ปุ่น

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ตั้งแต่เข้าสู่เดือน ก.ย. SET อยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากตลาดกังวลการก่อหนี้และความไม่ชัดเจนในนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล อีกทั้งเงินบาทยังอ่อนค่าและ Fund Flow ไหลออก แต่อย่างไรก็ดี มองตลาดกำลังก้าวสู่สัปดาห์สุดท้ายของ ก.ย. (สิ้นสุด 3Q66) ซึ่งคาดจะเป็นจุดต่ำสุด และจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นใน ต.ค. จากคาดหวังมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” 

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : มองตลาดก้าวสู่สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย. (สิ้นสุด 3Q66) ซึ่งคาดจะเป็นจุดต่ำสุด และจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นใน ต.ค. จึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้ 

1) หุ้นเก็งกำไร โดยคาดราคาหุ้นจะรีบาวน์ได้หลังปรับลงแรงกว่า SET และ Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก CPALL HMPRO CPN OSP BDMS MINT 

2) หุ้นเก็งกำไรในธีมปิโตรดอลลาร์ โดยได้อานิสงส์จากกำลังซื้อของตลาดตะวันออกกลางดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 10%QoQ ใน 3Q66 เลือก BH (ผู้ป่วยตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น) PTTEP (ราคาน้ำมันขึ้น) BCP (ราคาน้ำมันและกำไรสต็อกดีขึ้น) 

3) หุ้นซื้อลงทุน โดยคาดผลการดำเนินงาน 3Q66 จะมีเติบโตดี และยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องใน 4Q66 เลือก BCH HANA KCE AOT ERW

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY FOCUS

TOP ค่าการกลั่น 3Q66TD ฟื้นตัวแข็งแกร่ง หนุนโดยส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยาน ดีเซล และเบนซิน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ TOP จะช่วยผลักดันผลประกอบการ อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นยังหนุนผลประกอบการผ่านกำไรจากสต๊อกน้ำมัน แนะนำเข้าซื้อที่ราคาไม่เกิน 50 บ.

AOT 4QFY66-1QFY67 กำไรมีแนวโน้มเติบโตดีจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของภาคท่องเที่ยวไทย อีกทั้งล่าสุดรัฐบาลมีแผนออกมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวไทยซึ่งจะหนุนให้กำไรแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นไม่มากและยังตามหลังหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มท่องเที่ยว  
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 ก.ย. 2566 เวลา : 10:51:25
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 10:41 pm