ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับลด หลังนักลงทุนเทขายทำกำไรจากสัญญาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น เกือบแตะระดับ 100 ดอลลาร์ ในระหว่างวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน นอกจากนี้ นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางอื่นๆ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 66 ขยายตัวที่ 2.1% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.4% สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 66 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะขยายตัวสูงถึง 4.9% อย่างไรก็ตาม ตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 ปี 66 อาจชะลอตัวลงอย่างรุนแรง หากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกปิดดำเนินการในวันที่ 1 ต.ค. 66
สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลดปริมาณการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียและรัสเซียรวมกันที่ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นปี 66 โดยรัสเซียกล่าวว่าการห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังคงมีผลจนกว่าตลาดในประเทศจะมีเสถียรภาพ และยังไม่มีการหารือกับทาง OPEC+ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับเพิ่มอุปทานน้ำมันเพื่อชดเชยการห้ามส่งออกน้ำมัน
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลัง สต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 220.5 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การส่งออกน้ำมันเบนซินของจีนมีแนวโน้มลดลงในปลายปีนี้ เนื่องจากโควต้าการส่งออกเหลือน้อยลง
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกน้ำมันดีเซลของเกาหลีใต้ปรับลดลง โดย 8 เดือนแรกของปี 66 มีการส่งออกลดลง 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาสู่ระดับ 126.9 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ เกาหลีใต้ปรับลดการผลิตน้ำมันดีเซลลง 12.8% เมื่อเทียบกับปีแล้ว เหลือ 28.7 ล้านบาร์เรล ในเดือน ส.ค. 66
ข่าวเด่น