SET คาดฟื้นตัวได้ต่อ หลังตัวเลขจ้างงาน ADP ต่ำคาด ลดความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย โดยมีแนวต้านที่ 1455 จุด และจุดติดตามสำคัญบริเวณ 1470 จุด หากปิดเหนือได้ จะสร้างสัญญาณกลับตัว มิฉะนั้นจะเป็นเพียงการฟื้นตัวสลับ และปรับลงได้ต่อเหมือนช่วงที่ผ่านมา ด้านแนวรับอยู่ที่ 1440 และ 1430 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ก.ย. เพิ่มขึ้น 8.9 หมื่นตำแหน่ง ต่ำกว่าคาด, ดัชนีภาคบริการ ก.ย. ลดลงสู่ระดับ 53.6 ตามคาด และคำสั่งซื้อภาคโรงงาน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.2% สูงกว่าคาด
• ยอดค้าปลีกยูโรโซน ส.ค. ลดลง 1.2%MoM และลดลง 2.1%YoY แย่กว่าคาด จากอัตราเงินเฟ้อสูงได้บั่นทอนการบริโภคในยูโรโซน
• OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตตามข้อตกลงเดือน มิ.ย. ส่งผลให้ปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันถึงสิ้นปีหน้า ด้านรัสเซียเตรียมผ่อนปรนการห้ามส่งออกน้ำมันดีเซลและเบนซินสำเร็จรูป จากที่ระงับการส่งออกเมื่อปลาย ก.ย. 66 ขณะที่ EIA รายงานสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 แสนบาร์เรล
• ธปท. กังวล ศก.ไทยระยะยาวจากปัญหาเชิงโครงสร้าง แนะเร่งแก้ปัญหาแรงงาน การศึกษา ผ่อนคลายข้อจำกัดการลงทุน พร้อมเข้าดูแลเงินบาทที่อ่อนค่าและผันผวนกว่าภูมิภาค หากเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องปัจจัยพื้นฐาน
• สนค. ระบุเงินเฟ้อไทย ส.ค. 66 ขยายตัว 0.88%YoY ต่ำสุดเป็นอันดับ 10 ของโลกจาก 133 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข
• กกร. คงประมาณการ GDP ปีนี้ 2.5-3% เตรียมเสนอ 7 ข้อเสนอรัฐบาลใหม่ผลักดัน ศก. โตตามเป้า แนะนำแจกเงินดิจิทัลให้ตรงเป้า โดยใช้ฐานข้อมูลจากแอปเป๋าตังที่ 40 ล้านคน ส่วนเงินที่เหลือ 1.6 แสนลบ. นำไปบริหารจัดการน้ำแทน
กลยุทธ์การลงทุน
แม้เดือน ต.ค. คาด SET จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากคาดหวังมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดีช่วงสั้นภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ไม่สดใสและการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัว คาดจะยังกดดันบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ฟื้นตัวช้าหรือปรับขึ้นได้ไม่แรงมากนัก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : สัปดาห์นี้มอง SET ปรับลงแรง ถูกกดดันจากการอ่อนตัวของราคาน้ำมันและภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ไม่สดใส โดยล่าสุด World Bank ปรับลดคาดการณ์ GDP growth ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รวมทั้งไทย) ซึ่งกดดันบรรยากาศการลงทุนทำให้ SET Index ทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2564 ดังนั้นจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไร มองเป็นโอกาสซื้อสะสมหุ้นที่ราคา Oversold และยังมีปัจจัยพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เนื่องจากคาดราคาหุ้นจะรีบาวด์ได้ดีหาก SET ฟื้นตัว เลือก CPALL TOP CPN BDMS MINT
2) หุ้นเก็งกำไรในธีมปิโตรดอลลาร์ จากกำลังซื้อตลาดตะวันออกกลางดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 10%QoQ ใน 3Q66 เลือก BH (ผู้ป่วยตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น)
3) หุ้นเก็งกำไรจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง เลือก PTTEP BCP ทั้งนี้จะเริ่มเพิ่มความระมัดระวังการเก็งกำไรหาก Brent เกิน 100 เหรียญสหรัฐ
4) หุ้นซื้อลงทุน โดยคาดผลการดำเนินงาน 3Q66 จะมีเติบโตดี และยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องใน 4Q66 เลือก BCH HANA KCE AOT ERW KLINIQ
ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
DAILY TOP PICKS
GULF 2H66 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY และ HoH แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า IPP อีกแห่งหนึ่ง คือ GPD หน่วยที่ 2 (662.5MW) จะเริ่มดำเนินการใน ต.ค. 66 และส่วนแบ่งกำไรจาก Jackson Generation คาดจะเพิ่มขึ้น HoH เทียบกับขาดทุน 349 ลบ. ใน 1H66 จากราคาไฟฟ้าต่ำ
SCGP ช่วงสั้นมองได้อานิสงส์บวกจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลง ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวล 36% YTD มองสะท้อนปัจจัยลบส่วนใหญ่ไปแล้ว ส่วนผลประกอบการปกติที่คาดจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้าจะช่วยจำกัด downside risk
ข่าวเด่น