แบงก์-นอนแบงก์
MEA จับมือ ธอส. เปิดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผู้ใช้บริการด้านไฟฟ้า KEN by MEA


 
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วย นายวิทยา แสนภักดี รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานการตลาด ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ และบริการของการไฟฟ้านครหลวง ร่วมกับโครงการสินเชื่อพร้อมใช้ และโครงการ GHB Big Family ระหว่าง MEA และ ธอส.ณ ห้อง Auditorium ชั้น 6 อาคารวัฒนวิภาส การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ คลองเตย

 
รองผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีภารกิจสำคัญภายใต้วิสัยทัศน์ Energy for city life, Energize smart living ในการขับเคลื่อนพลังงาน เพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร นอกจากภารกิจหลักในด้านการจำหน่ายไฟฟ้าแล้ว ปัจจุบัน MEA ยังได้  ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่อง KEN by MEA ที่ตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าครอบคลุม 4 บริการ คือ ธุรกิจออกแบบติดตั้งระบบไฟฟ้า EPC (Engineering Procurement and Construction) ธุรกิจบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า PM (Preventive Maintenance) ธุรกิจติดตั้งโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) และธุรกิจบริการเกี่ยวกับ EV (EV Charger) ซึ่งมาพร้อมทีมที่ปรึกษามืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจไฟฟ้ามีมาตรฐานการติดตั้งที่ปลอดภัย พร้อมให้คำปรึกษาโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงการรับแจ้งปัญหาขัดข้องตลอด 24 ชั่วโมง

 
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการ KEN by MEA ได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยการขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนได้รับบริการด้านระบบไฟฟ้าที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้า และการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนด้านพลังงาน และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในคราวเดียวกัน

 
รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานการตลาด ธอส. กล่าวว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ที่ตลอด 70 ปี ได้ทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว โดยในความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือให้ลูกค้าประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำมากขึ้น ด้วยการจัดทำ “สินเชื่อพร้อมใช้ ปี 2566” อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 เท่ากับ MRR-2% ต่อปี (4.90%) ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี (6.15%) เฉลี่ย…

อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เท่ากับ 5.316% ต่อปี และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ในปัจจุบันอยู่ที่ 6.90% ต่อปี) สำหรับผู้ที่ต้องการขอกู้หรือกู้เพิ่มเพื่อซื้ออุปกรณ์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการของการไฟฟ้านครหลวงที่ใช้พลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่อนชำระนานสูงสุด 20 ปี กรณีกู้ 1 แสนบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียงเดือนละ 800 บาทเท่านั้น! ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งกลุ่มลูกค้าปัจจุบันที่ใช้บริการสินเชื่อกับ ธอส. อยู่แล้วให้สามารถขอกู้เพิ่มเพื่อซื้อสินค้าบริการจากทาง MEA และกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการรีไฟแนนซ์มายัง ธอส. ในอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ พร้อมขอกู้เพิ่มเพื่อซื้อสินค้าบริการจาก MEA ได้สะดวกมากขึ้น ผู้ที่สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ 

 
นอกจากนี้ ธอส. ยังให้สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า กฟน.ในการรับสิทธิประโยชน์และโปรโมชันต่าง ๆ อาทิ  แหล่งรวมการซื้อขายวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัยที่หลากหลายมากขึ้นผ่านทาง www.ghbankbigfamily.com ซึ่งเป็นศูนย์รวมเรื่องบ้านแบบครบวงจร ที่อยู่ภายใต้โครงการ GHB Big Family ของ ธอส. นับเป็น Ecosystem ที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างลูกค้าของธนาคารและลูกค้าขององค์กรพันธมิตรอีกด้วย

 
สําหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่สนใจงานบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเกี่ยวเนื่องของ MEA ดูรายละเอียดได้ที่ https://ken.mea.or.th และสามารถติดต่อ KEN by MEA ได้ผ่านช่องทาง email: ken@mea.or.th และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 หรือ LINE: MEA Connect (@MEAthailand) ผ่านช่องทาง Call Center Online ตลอด 24 ชม. “ถามมืออาชีพถาม KEN by MEA” และผู้ที่สนใจสินเชื่อ พร้อมใช้ของ ธอส. สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th       
 
 
นายวิทยากล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ระหว่าง ธอส.กับการไฟฟ้านครหลวง นับว่าเป็นโครงการที่ดีที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าที่จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า จากการติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่มีราคาค่อนข้างสูง โดยสามารถมาขอสินเชื่อพร้อมใช้ของ ธอส.ได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกเป็นพิเศษ และมีระยะเวลาผ่อนนานถึง 20 ปี โดยโครงการนี้เบื้องต้นกำหนดระยะเวลาโครงการไว้ 2 ปี นับตั้งแต่วันนี้จนถึงเดือน ต.ค.2568 ฉะนั้นจึงขอเชิญชวนประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ มาใช้บริการก่อนหมดระยะเวลาโครงการ

นอกจากนี้ ด้วยความเป็นห่วงในสวัสดิภาพและทรัพย์สินของประชาชน หากบ้านที่อยู่อาศัยเป็นบ้านเก่าควรต้องระมัดระวังเรื่องไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากสายไฟที่เดินอยู่รอบบ้านจะเก่าเสื่อมสภาพมีความสุ่มเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัย ฉะนั้นหากบ้านที่อยู่อาศัยเกิน 20 ปี ควรเปลี่ยนสายไฟใหม่ ซึ่งสามารถมาขอใช้บริการกับการไฟฟ้านครหลวง เพื่อส่งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯไปตรวจสอบและประเมินราคาค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสายไฟฟ้าใหม่ และสามารถมาขอสินเชื่อพร้อมใช้กับ ธอส. ได้ เพื่อนำเงินไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสายไฟฟ้าในบ้านใหม่ 
 
 
 

LastUpdate 09/10/2566 17:25:18 โดย : Admin
28-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 28, 2024, 4:34 am