เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "เคลื่อนไหวในกรอบ 1422-1440 จุด"


คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ โดยกรอบล่างบริเวณแนวรับ 1430 และ 1422 จุด ที่คาดรองรับได้ หลังเจ้าหน้าที่เฟดให้ความเห็นอย่างต่อเนื่องในทางผ่อนคลายการปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคที่เป็นลบ และตลาดติดตามรายงานประชุมเฟดวันนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐวันพรุ่งนี้ ทำให้กรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1440-1450 จุด

ประเด็นสำคัญ

• จนท. Fed หลายรายระบุ Bond Yield ระยะยาวของสหรัฐที่ปรับขึ้นนั้นอาจทำให้ Fed ยุติการปรับขึ้น ดบ. ระยะสั้น เช่นเดียวกับ จนท. ECB ระบุเงินเฟ้อ ECB น่าจะอยู่ระดับ 2% ที่เป็นเป้าหมายในปี 2568

•จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้น ศก. โดยเพิ่มการขาดดุลงบฯ ปีนี้ โดยคาดจะบรรลุเป้าหมาย GDP โตที่ราว 5% แม้ว่าจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ที่อ่อนแอก็ตาม

• ท่อส่งก๊าซใต้ทะเลของฟินแลนด์ที่เชื่อมระหว่างเอสโตเนียเกิดรั่วไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่งผลให้ราคาก๊าซในยุโรปปรับขึ้นต่อกว่า 10%

• IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP จีนและยูโรโซน ระบุการเติบโตทั่วโลกยังอยู่ในระดับต่ำและไม่สม่ำเสมอ ขณะที่ ศก. สหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

• Reuters ระบุ นลท. ต่างชาติเทขายหุ้นในเอเชีย ก.ย. รวมกว่า 1.126 หมื่นล้านเหรียญ เป็นการไหลออกครั้งใหญ่สุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 2565 กังวล ดบ. ระดับสูงเป็นเวลานาน-Bond Yield สหรัฐที่เพิ่มขึ้น

• ธปท.-ปปง.-สมาคมธนาคารไทย ประกาศใช้การแสดงตนในการฝากเงินสดผ่านตู้อัตโนมัติ เครื่องฝากเงินตู้ CDM ยกระดับความปลอดภัย มีผล 11 พ.ย. 66 เพื่อตัดวงจรฟอกเงิน การหลอกลวงทางการเงินและสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย

• PTT ระบุเลื่อนรับชำระค่าเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่จำหน่ายให้ กฟผ. ในงวดนี้วงเงิน 8-9 พันลบ. อาจมีภาระเพิ่มจากต้นทุนการเงินแต่ไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญ คาด กฟผ.จะทยอยชำระคืนในงวดถัดไป ขณะที่ OR ตอบรับนโยบายรัฐ กำหนดค่าการตลาด 2 บ./ลิตร

กลยุทธ์การลงทุน

แม้สัปดาห์ก่อน SET จะปรับตัวลงแรงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,429.99 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี 9 เดือน นับตั้งแต่ 4 ม.ค 64  หลังมีแรงกดดันทั้งจากกังวลเฟดคงดอกเบี้ยสูงยาวนาน (Higher for longer) อีกทั้งภาพรวมภาวะเศรษฐกิจโลกรวมทั้งไทย มีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ดี ช่วงสั้นคาด SET มีโอกาสจะเริ่มฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้บ้าง หลังปรับตัวลงแรงสะท้อนความเสี่ยงไปในระดับหนึ่งแล้ว กลยุทธ์ลงทุนจึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : สัปดาห์นี้มอง SET มีโอกาสจะเริ่มฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้บ้าง หลังปรับตัวลงแรงสะท้อนความเสี่ยงไปในระดับหนึ่งแล้ว จึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้ 

1) หุ้น Undervalued (ราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่แท้จริง) ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก CPALL TOP CPN BDMS MINT 

2) หุ้นที่มี Earning Growth แข็งแรง (กำไรมีโมเมนตัมดีต่อเนื่อง) และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราคาหุ้นสามารถชนะตลาดได้  เลือก BCP AMATA BBL KTB BCH KLINIQ

3) หุ้นเก็งกำไรหากราคาน้ำมัน Brent ปรับตัวเข้าใกล้ 80 เหรียญสหรัฐ เลือก PTTEP 

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY TOP PICKS

KTB 3Q66 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น 22% YoY (NII สูงขึ้น) และ 2% QoQ (NII สูงขึ้น, ECL สูงขึ้น, opex สูงขึ้น) ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต 22%YoY อีกทั้งมองจะเป็นธนาคารที่มี NIM ขยายตัวมากที่สุดและมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ

GULF 2H66 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY และ HoH แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า IPP อีกแห่งหนึ่ง คือ GPD หน่วยที่ 2 (662.5MW) จะเริ่มดำเนินการใน ต.ค. 66 และส่วนแบ่งกำไรจาก Jackson Generation คาดจะเพิ่มขึ้น HoH เทียบกับขาดทุน 349 ลบ. ใน 1H66 จากราคาไฟฟ้าต่ำ
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 ต.ค. 2566 เวลา : 10:51:15
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 5:30 pm