คาด SET แกว่งในกรอบระหว่าง 1440-1462 จุด โดยการปรับขึ้นโดดเด่นเมื่อวาน ทำให้วันนี้มีโอกาสชะลอจากกรอบบนแนวต้าน 1462 จุด ทั้งจากแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว และรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในคืนนี้ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1450 และ 1440 จุด ตามลำดับ คาดยังเป็นจุดรองรับได้
ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐรายงานดัชนี PPI ก.ย. +2.2%YoY สูงสุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าคาด ส่วนดัชนี Core PPI ก.ย. +2.7%YoY สูงกว่าคาดเช่นกัน
• รายงานประชุม Fed ระบุ คกก. ส่วนใหญ่เห็นว่า Fed ควรจะดำเนินการอย่างระมัดระวังในการตัดสินใจเกี่ยวกับ ดบ. ในอนาคต ขณะที่ จนท. Fed หลายรายส่งสัญญาณโอกาสขึ้น ดบ. มีน้อยลง
• ซาอุดีอาระเบียให้คำมั่นว่าจะพยายามป้องกันการลุกลามของสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลาง สร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน ทำให้ความกังวลผลกระทบด้านอุปทานน้ำมันลดน้อยลง
• Exxon Mobil เข้าซื้อกิจการ Pioneer Natural Resources ในมูลค่า 5.9 หมื่นล้านเหรียญ ทำให้ Exxon Mobil กลายเป็น บ. รายใหญ่สุดที่ดำเนินการในแหล่งผลิตน้ำมันของสหรัฐ
• ธปท. คาด GDP ไทยปีหน้าขยายตัว 4.4% รวมผลมาตรการกระตุ้น ศก.ภาครัฐไปแล้ว โดยเฉพาะเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบ. หากรูปแบบเปลี่ยนไป GDP อาจขยายตัวได้มากกว่า 4%
• BOI ตั้งเป้าหมายเป็นฮับผลิตทั้งรถ EV ควบคู่รถยนต์สันดาปภายใน เตรียมออกมาตรการหนุน รวมทั้งตั้งยุทธศาสตร์เชิงรุก 4 ปี ลงทุน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย EV-BCG-อิเล็กทรอนิกส์-ดิจิทัล-ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
• สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ระบุยอดนักท่องเที่ยวอิสราเอล ยกเลิกการจองโรงแรมภูเก็ตราว 15% บางส่วนเลือกขยายวันพัก ขออยู่ไทยต่อเพื่อหนีภัยสงคราม
กลยุทธ์การลงทุน
แม้สัปดาห์ก่อน SET จะปรับตัวลงแรงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,429.99 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี 9 เดือน นับตั้งแต่ 4 ม.ค 64 หลังมีแรงกดดันทั้งจากกังวลเฟดคงดอกเบี้ยสูงยาวนาน (Higher for longer) อีกทั้งภาพรวมภาวะเศรษฐกิจโลกรวมทั้งไทย มีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่อย่างไรก็ดี ช่วงสั้นคาด SET มีโอกาสจะเริ่มฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้บ้าง หลังปรับตัวลงแรงสะท้อนความเสี่ยงไปในระดับหนึ่งแล้ว กลยุทธ์ลงทุนจึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : สัปดาห์นี้มอง SET มีโอกาสจะเริ่มฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้บ้าง หลังปรับตัวลงแรงสะท้อนความเสี่ยงไปในระดับหนึ่งแล้ว จึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Undervalued (ราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่แท้จริง) ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก CPALL TOP CPN BDMS MINT
2) หุ้นที่มี Earnings Growth แข็งแรง (กำไรมีโมเมนตัมดีต่อเนื่อง) และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราคาหุ้นสามารถชนะตลาดได้ เลือก BCP AMATA BBL KTB BCH KLINIQ
3) หุ้นเก็งกำไรหากราคาน้ำมัน Brent ปรับตัวเข้าใกล้ 80 เหรียญสหรัฐ เลือก PTTEP
ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
DAILY TOP PICKS
KCE มองน่าสนใจที่สุดในกลุ่มฯ จากเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นใน 2H66 ตามช่วง High season ของธุรกิจ และต่อเนื่องไปยังปี 67 ตามดีมานด์ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรถยนต์ที่ฟื้นตัวจากการลดสินค้าคงคลัง ขณะที่ Valuation ยังมีส่วนลดเมื่อเทียบกับ PE mean ในอดีต
GULF 2H66 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY และ HoH แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า IPP อีกแห่งหนึ่ง คือ GPD หน่วยที่ 2 (662.5MW) จะเริ่มดำเนินการใน ต.ค. 66 และส่วนแบ่งกำไรจาก Jackson Generation คาดจะเพิ่มขึ้น HoH เทียบกับขาดทุน 349 ลบ. ใน 1H66 จากราคาไฟฟ้าต่ำ
ข่าวเด่น