เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บมจ.ไทยออยล์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ "ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวน ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส"


ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 85-92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 88-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล


 
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (23 – 27 ต.ค. 66)
 
ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวน เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากสงครามขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่ยังคงไร้ข้อสรุปและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งเชิงกว้าง จึงส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาคาดจะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลาที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้
 
ตลาดจับตาสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล และกลุ่มฮามาส ที่ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่องและอาจจะส่งผลกระทบเชิงกว้างนำไปสู่สงครามในตะวันออกกลาง โดยสถานการณ์ล่าสุด อิสราเอลได้อพยพประชาชนออกจากฉนวนกาซาและอยู่ระหว่างการเตรียมตัวใช้มาตรการเข้าจัดการกับกลุ่มฮามาสเพิ่มเติม ส่งผลให้ความรุนแรงยังคงประทุขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ อาทิเช่น ในฉนวนกาซา และทางตอนใต้ของเลบานอน นอกจากนี้ อิหร่านยังได้ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มประเทศมุสลิม ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันกับอิสราเอล อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวค่อนข้างจำกัด เนื่องจากอิสราเอลมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางในระดับน้อย ขณะที่ ทางด้านสหประชาชาติ (UN) รวมถึงหลายประเทศได้มีการเรียกร้องให้อิสราเอล ให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมกับชาวปาเลสไตน์ ที่อาศัยอยู่ในฉบวนกาซา และเจรจาหาข้อสรุปในการยุติข้อขัดแย้งให้ได้ในเร็วนี้ 
 
 
• กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (OPEC+) ยังคงไม่มีแผนที่จะเรียกการประชุมฉุกเฉิน แม้ว่าอิหร่านจะมีการเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรน้ำมันกับอิสราเอล โดยกลุ่ม OPEC+ ยังคงมาตรการในการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา จนถึงสิ้นปีหน้า สำหรับการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมของซาอุดิอารเบียและรัสเซีย จะมีการพิจารณาอีกครั้งในการประชุมเดือน พ.ย. 2566 
 
 
• ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าจะเริ่มกลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับ การส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ต.ค. 66 ปรับลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับลดลง 0.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลงกว่า 0.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับต่ำนับตั้งแต่ปี 2557
 
 
• ความต้องการใช้น้ำมันของจีนมีแนวโน้มเติบโตในระดับสูงต่อเนื่องตามเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กิจกรรมทั้งในภาคอุตสาหกรรมและบริการมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น โดยโรงกลั่นน้ำมันดิบของจีนปรับเพิ่มปริมาณการกลั่นขึ้นในเดือน ก.ย. 2566 มาสู่ระดับสูงสุดในรอบประวัติการณ์ที่ราว 15.48 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงวันหยุดยาวของจีนในปีนี้ การท่องเที่ยวในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 71.3% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 4.1% จากปี 2562 ขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศมีการปรับเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 85% ของช่วงก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
 
 
• ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของเวเนซุเอลามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 6 เดือนจนถึง 18 เม.ย. 67 เนื่องจากรัฐบาลเวเนซุเอลาและพรรคฝ่ายค้านตกลงกันที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างโปร่งใสและยุติธรรมในปีหน้า โดยสหรัฐฯ อนุญาตให้สามารถส่งออกน้ำมันดิบไปยังประเทศอื่น นอกเหนือจากสหรัฐฯ และจีน รวมถึง การอนุญาตให้มีการลงทุนเพิ่มเติมในอุตสาหกรรมพลังงาน อย่างไรก็ดี ยังคงมาตรการคว่ำบาตรสำหรับการลงทุนร่วมกับบริษัทฯ จากรัสเซีย ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตของเวเนซุเอลามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราว 200,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับปัจจุบันที่ผลิตประมาณ 0.7 – 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
 
 
• เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ GDP ไตรมาส 3/2566 ของสหรัฐฯ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ เดือน ก.ย. 2566 ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและบริการสหรัฐฯ และยูโรโซน เดือน ต.ค. 2566

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 – 20 ต.ค. 66) 
 
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับขึ้น 1.06 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 88.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่ม 1.27 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 92.16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 93.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังตลาดกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส จะรุนแรงมากขึ้นและขยายวงกว้างนำสู่สงครามความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยความกังวลเริ่มประทุขึ้นหลังอิสราเอลประกาศอพยพประชาชนออกจากบริเวณฉนวนกาซา ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าอิสราเอลจะมีการใช้กองกำลังทางทหารเข้าจู่โจมทางบกในเร็วนี้ จากประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้สถานการณ์ยังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่องและนำไปสู่การประทะกันระหว่างกลุ่ม Hezbollah และอิสราเอลทางตอนใต้ของเลบานอน รวมถึง การระเบิดโรงพยาบาลในฉนวนกาซา นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากเวเนซุเอลา หลังสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรในอุตสาหกรรมพลังงานเป็นการชั่วคราว ส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ต.ค. 2566 เวลา : 12:25:08
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 2:51 pm