เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "รีบาวด์สลับ แต่ภาพรวมยังลุ้นเหนื่อย"



คาด SET รีบาวด์ทางเทคนิค หลังเมื่อวันศุกร์ก่อนหยุดยาวปรับลงแรง และปิดต่ำกว่า 1400 จุด ขณะที่ในภาพรวมสัญญาณเทคนิคยังเป็นลบ และไม่มีสัญญาณกลับตัว ทำให้กรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1410 และ 1420 จุด ตามลำดับ และยังมีความเสี่ยงด้าน downside โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1390 และ 1380 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• ผู้นำสหรัฐ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี เดินทางเยือนภูมิภาค ตอ. กลางเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ขณะที่อิสราเอลชะลอการโจมตีภาคพื้นดินฉนวนกาซาเพื่อเปิดช่องทางการเจรจาทางการทูตสำหรับการปล่อยตัวประกัน

• EU พิจารณาขยายเวลากำหนดเพดานราคาก๊าซฉุกเฉินถึง ก.พ. จากความขัดแย้งใน ตอ. กลางและการทำลายท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเลบอลติก อาจทำให้ราคาก๊าซพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในฤดูหนาวนี้

• สหภาพแรงงาน UAW ขยายเวลาประท้วงเรียกร้องให้คนงาน 6,800 คน หยุดงานประท้วงที่โรงงานประกอบรถยนต์ใหญ่สุดในสหรัฐของบริษัท Stellantis ซึ่งผลิตรถบรรทุก Ram 1500

• Chevron ซื้อกิจการ Hess Corp ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ มูลค่าสูงถึง 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์

• ก. คลังอาจเลื่อนแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ออกไปภายใน 1Q67 เพื่อทดสอบระบบแอปป้องกันความปลอดภัย พร้อมรับฟังข้อเสนอทุกฝ่าย ปรับนโยบายให้เหมาะสมที่สุด และอาจยกเลิกเงื่อนไขใช้จ่าย 4 กิโลเมตร ยืนยันไม่ซ้ำรอยโครงการจำนำข้าว

• ส.อ.ท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.ย. ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 90 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เหตุกำลังซื้ออ่อนแอ รวมทั้งเงินบาทอ่อนค่า เสนอ ธปท. ควบคุมดอกเบี้ยฝากและกู้

• MI Group มีเดียเอเจนซี่คาดงบโฆษณาปลายปีชะลอหลังเผชิญปัจจัยลบทั้งในและ ตปท. คาดปีนี้โต 4.4% มูลค่าตลาด 8.5 หมื่นลบ. คาดอีก 1-2 ปี เม็ดเงินสื่อดิจิทัลสูงกว่าสื่อโทรทัศน์ได้เป็นครั้งแรก

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวหรือรีบาวน์ได้ แต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากยังคงต้องติดตามความรุนแรงในตะวันออกกลางว่าขยายวงกว้างไปสู่อิหร่านหรือไม่  รวมถึงความกังวลเงินเฟ้อ และผลตอบแทนพันธบัตร ที่อาจเป็นปัจจัยสร้างความผันผวนให้กับตลาด อีกทั้งปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยว่าจะถูกกระทบจากเหตุการณ์ในช่วงต้นเดือนหรือไม่ และความชัดเจนของนโยบายแจกเงินดิจิทัล กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : สัปดาห์นี้มอง SET มีโอกาสจะฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้บ้าง แต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หลังกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลางกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก BCP PTTEP TOP

2) หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS CPALL CPN MINT

3) หุ้นที่คาดผลประกอบการดีต่อเนื่องไปใน 4Q66 (+YoY, +QoQ) เลือก AP AOT BLA BCH CENTEL รวมทั้ง KCE ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (+QoQ)

ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY TOP PICKS

CPALL คาดราคาหุ้นจะปรับตัวดีขึ้น หลัง CPALL และ CPAXT ออกมาปฏิเสธข่าวว่าไม่เกี่ยวข้องกับการซื้อธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม อีกทั้ง 3Q66 คาด CPALL จะมีกำไรปกติเติบโต 11%YoY ดีสุดในกลุ่มฯ ขณะที่ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 66F ระดับ 30 เท่า (-1 S.D. จาก PE เฉลี่ย 10 ปี)

KCE มองน่าสนใจที่สุดในกลุ่มฯ จากเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นใน 2H66 ตามช่วง High season ของธุรกิจ และต่อเนื่องไปยังปี 67 ตามดีมานด์ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรถยนต์ที่ฟื้นตัวจากการลดสินค้าคงคลัง ขณะที่ Valuation ยังมีส่วนลดเมื่อเทียบกับ PE mean ในอดีต
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ต.ค. 2566 เวลา : 11:43:52
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 2:32 pm