SET มีจุดติดตามบริเวณแนวรับ 1383 และ 1375 จุด ตามลำดับ ที่คาดมีโอกาสเกิดการรีบาวด์ทางเทคนิค จากภาวะ oversold ด้านกรอบบนมีแนวต้านอยู่ที่ 1400 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเห็นการฟื้นตัวชัดขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1410 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ครม. มีมติเห็นชอบหลักการแนวทางการปรับลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 ลง 2.50 บ./ลิตร เป็นเวลา 3 เดือน โดยจะเสนอรายละเอียดอีกครั้งใน 31 ต.ค. หากได้รับการอนุมัติคาดว่าจะมีผลทันที
• ส.อ.ท. รายงานยอดส่งออกรถยนต์ ก.ย. อยู่ที่ 97,476 คัน ลดลง 2.90%YoY เพิ่มขึ้น 11.33%MoM พร้อมปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปีนี้เหลือ 1.85 ล้านคัน ปรับลดเป้ายอดขายใน ปท. เหลือ 8 แสนคัน
• พาณิชย์รายงานยอดส่งออก ก.ย. +2.1% ขยายตัว 2 เดือนติดต่อกัน คาด 4Q66 เป็นบวกฉุดยอดรวมทั้งปีดีขึ้น พร้อมจับตาปัจจัยลบทั้งราคาน้ำมัน และปัญหาสงคราม
• ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการ ต.ค. ของสหรัฐอยู่ที่ 51.0 สูงสุดรอบ 3 เดือน บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ
• ดัชนี PMI รวมภาคผลิตและบริการ ต.ค. ของยูโรโซน เยอรมนี และอังกฤษ ลดลงต่ำกว่า 50 บ่งชี้การหดตัวภาคธุรกิจ โดย PMI เยอรมนีหดตัวเป็นเดือนที่ 4 ดัชนี PMI อังกฤษหดตัวเป็นเดือนที่ 3
• อัยการสูงสุดจาก 42 รัฐทั่วสหรัฐรวมตัวฟ้อง Meta Platforms ในข้อหามอมเมาเด็กและเยาวชนในการใช้ Facebook และ Instagram จนทำให้มีการเสพติด social media
• Microsoft รายงานผลประกอบการ 1Q24 เติบโตสูงกว่าคาด โดยเฉพาะธุรกิจคลาวด์ และ Alphabet รายงานผลประกอบการ 3Q23 เติบโตทุกส่วนธุรกิจ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวหรือรีบาวน์ได้ แต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากยังคงต้องติดตามความรุนแรงในตะวันออกกลางว่าขยายวงกว้างไปสู่อิหร่านหรือไม่ รวมถึงความกังวลเงินเฟ้อ และผลตอบแทนพันธบัตร ที่อาจเป็นปัจจัยสร้างความผันผวนให้กับตลาด อีกทั้งปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยว่าจะถูกกระทบจากเหตุการณ์ในช่วงต้นเดือนหรือไม่ และความชัดเจนของนโยบายแจกเงินดิจิทัล กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : สัปดาห์นี้มอง SET มีโอกาสจะฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้บ้าง แต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หลังกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลางกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก BCP PTTEP TOP
2) หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5
ปี) เลือก BDMS CPALL CPN MINT
3) หุ้นที่คาดผลประกอบการดีต่อเนื่องไปใน 4Q66 (+YoY, +QoQ) เลือก AP AOT BLA BCH CENTEL รวมทั้ง KCE ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (+QoQ)
ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
DAILY TOP PICKS
GPSC ช่วงสั้นคาดราคาหุ้นได้อานิสงส์บวกจากราคาก๊าซในยุโรปและบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวลง ขณะที่ผลการดำเนินงาน 2H66 คาดจะดีขึ้น HoH เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลงจะช่วยชดเชยการปรับค่า Ft ลดลง รวมทั้งรับรู้กำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
AOT ได้ประโยชน์จากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจท่องเที่ยวไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้น (+YoY, +QoQ) ใน 4QFY66-1QFY67 ขณะที่ช่วงสั้นมองราคาหุ้นปรับลงสะท้อนปัจจัยลบแล้ว อีกทั้งหากเทียบ YTD ราคาหุ้นยังตามหลังหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มท่องเที่ยว
ข่าวเด่น