การนำสินค้าเข้าตลาดโมเดิร์นเทรด อาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับชุมชนทั่วไป แต่ไม่ใช่สำหรับ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว จ.เชียงใหม่” ที่รวมพลังแม่บ้านในชุมชน เชื่อมโยงระบบนิเวศหรืออีโคซิสเท็มเข้ากับผู้ประกอบการและช่องทางขายอย่างร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จนสามารถพลิกโฉมสินค้าพื้นถิ่นอย่าง “กล้วยอบ” ให้กลายเป็น “กล้วยหนึบ” สร้างรายได้กลับสู่ชุมชนปีละนับ 10 ล้าน
ป้าแดง-ทองเพียร ศรีสว่าง วัย 63 ปี ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว จ.เชียงใหม่ เล่าว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของแม่บ้านในชุมชนเมื่อปี 2538 เพื่อแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นรายได้เสริมกับครอบครัว และค่อยๆ เติบโตขึ้นเป็นลำดับ จนสินค้าผลไม้อบของกลุ่มได้รับการยกระดับเป็นสินค้า OTOP และมีช่องทางการขายทั้งริมปิง ซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดัง และตามสถานที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงห้างดังในกรุงเทพฯ
จุดเปลี่ยนสำคัญของกลุ่ม เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติโควิด-19 สินค้าของกลุ่มได้รับผลกระทบ ไม่สามารถจำหน่ายได้ ทางบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีสำนักงานหลักอยู่ที่เชียงใหม่ ได้เข้ามาพูดคุยกับกลุ่มถึงความเป็นอยู่ พบว่ากลุ่มประสบปัญหาด้านช่องทางขาย ทำให้คณะผู้บริหารเข้าปรึกษากับทางเซเว่นฯ ซึ่งซันสวีท เป็นคู่ค้ากับทางเซเว่นฯ ภายใต้แบรนด์ KC อยู่แล้ว หลังจากนั้นไม่นานทีมบริหารผลิตภัณฑ์และจัดซื้อของทางเซเว่นฯ ก็เข้ามาที่กลุ่มเพื่อดูสินค้าและเห็นโอกาสการเติบโตของกล้วยอบ
“กล้วยหนึบ” สร้างรายได้ปีละกว่า 10 ล้าน
แต่สินค้ากล้วยอบมีจำหน่ายในตลาดเป็นจำนวนมาก จึงแนะนำให้ทางกลุ่มหาวิธีการสร้างความต่างให้กับสินค้า ด้วยการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ ว่าจะทำอย่างไรให้กล้วยสามารถทานแบบอุ่นร้อนได้ เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น และยังคงความหนึบไว้ได้ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญจากทางเซเว่นฯและซันสวีทคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด จนได้ออกมาเป็น กล้วยหนึบ วางจำหน่ายช่วงกลางปี 2565
ป้าแดง เล่าเพิ่มเติมว่า “กล้วยหนึบ” ที่ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯผลิตมาจากกล้วยน้ำว้าสายพันธุ์มะลิอ่อง ซึ่งเป็นกล้วยสายพันธุ์ที่ปลูกมากใน จ.เชียงใหม่ เมื่อนำมาแปรรูปจะมีความเหนียวนุ่มและมีกลิ่นหอมมากกว่าสายพันธุ์อื่น โดยทางกลุ่มจะรับซื้อกล้วยจากชุมชนในท้องถิ่นและพื้นที่ต่างๆ บนดอยของ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ในราคา 12-20 บาทต่อกิโลกรัม โดยทางกลุ่มจะรับซื้อกล้วยสดในปริมาณ 4,000 กิโลกรัมต่อครั้ง เพื่อนำมาแปรรูปผ่านกระบวนการอบแห้ง 6 ชั่วโมง จะได้ปริมาณกล้วยหนึบประมาณ 400 กิโลกรัม
ในช่วงที่กลุ่มมียอดขายดีๆ มีออร์เดอร์กล้วยหนึบสูงถึงเดือนละ 3,000-4,000 กิโลกรัม ทำให้กลุ่มต้องรับซื้อกล้วยสดอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 กิโลกรัม เพื่อนำมาแปรรูปจำหน่ายในราคา 120-150 บาทต่อกิโลกรัม สร้างความมั่นคงกลับสู่กลุ่มสมาชิกที่มีกว่า 60 ครัวเรือน ด้วยรายได้เดือนละประมาณ 1-2 ล้านบาท หรือปีละกว่า 10 ล้านบาท
“การได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากเซเว่นฯและซันสวีท ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กลุ่มฯสามารถกลับมามีรายได้และสร้างความมั่นคงให้กับสมาชิกอีกครั้ง ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจทุกกลุ่มก็สามารถเป็นอย่างกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว จ.เชียงใหม่ ได้เช่นกัน ทุกพื้นที่มีของดีของตัวเอง และมีองค์กรภาครัฐและเอกชนมากมายที่พร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริม ขอเพียงแค่อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ และต้องกล้าที่จะออกจากความคิดเดิมๆ”
“ซันสวีท” โซ่ข้อกลางเชื่อมชุมชนสู่โมเดิร์นเทรด
เน็ต-วณิชชา ณ ลำปาง ผู้จัดการฝ่ายภายในประเทศและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรพร้อมทาน ภายใต้แบรนด์ KC กล่าวว่า ด้วยความคุ้นเคยและใกล้ชิดกว่า 20 ปีระหว่างผู้บริหาร คุณองอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการบริหาร กับชุมชนในพื้นที่ ทำให้มองเห็นและรับรู้ถึงผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแควเป็นอย่างดี จึงได้นำมาปรึกษากับทีมบริหารถึงแนวทางการช่วยเหลือ ซึ่งในขณะนั้นบริษัทมีโครงการสินค้าเพื่อสุขภาพกับทางเซเว่นฯ พอดี ประกอบกับมีนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกร สอดคล้องกับนโยบายของทางเซเว่นฯ จึงร่วมปรึกษากับทางทีมเซเว่นฯ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำและได้รับการสนับสนุนอย่างดีในทุกขั้นตอน
“ซันสวีทเปรียบเสมือนโซ่ข้อกลางระหว่างชุมชนกับเซเว่นฯ ที่มีความเข้าใจในมุมมองด้านการตลาด สามารถช่วยถ่ายทอดมุมมองในส่วนนี้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจได้ นอกจากนี้บริษัทยังเข้าไปช่วยเรื่องระบบหลังบ้าน ช่วยควบคุมการผลิตให้ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐาน รวมทั้งเข้าไปช่วยพัฒนาแพ็กเก็จจิ้ง ที่สื่อให้เห็นถึงความเป็นวิสาหกิจชุมชนที่ทันสมัย รวมทั้งช่วยสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคถึงความแตกต่างของสินค้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน”
ปัจจุบันบริษัทสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้วยการรับซื้อกล้วยหนึบเดือนละ 5,000 กิโลกรัม เพื่อจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ KC และมียอดขายอยู่ที่ 7-8 แสนซองต่อปี หรือประมาณ 2,000-3,000 ซองต่อวัน คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี จากความมุ่งมั่นและตั้งใจของกลุ่มวิสาหกิจและบริษัทที่ต้องการยกระดับความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อพัฒนาสินค้าพื้นถิ่นสู่ระดับประเทศ ทำให้ “กล้วยหนึบ” ได้รับรางวัล Inventor Awards (สุดยอดนักประดิษฐ์) ประเภทรางวัลนวัตกรรมก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม จากเวที “7 Innovation Awards 2023”
“กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านแคว จ.เชียงใหม่” ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นแบบที่สามารถสร้างการเติบโตได้ด้วยตัวเอง ขอเพียงแค่อย่างปิดกั้นโอกาส และต้องแสวงหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
ข่าวเด่น