เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "สัญญาณยังอ่อนแรง"


SET ยังไม่แสดงสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจน และมีแรงขายสลับเป็นระยะในช่วงฟื้นตัว โดยมีกรอบบนที่จำกัดบริเวณแนวต้าน 1411 และ 1424 จุด ตามลำดับ รวมถึง sentiment ลบ จากตลาดหุ้นสหรัฐ ทำให้มีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1390 และ 1383 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ
 
• ก. คลังระบุเลื่อนแจกเงินดิจิทัลจาก ก.พ. ไป เม.ย.-พ.ค. 67 เน้นใช้งบฯ แผ่นดิน เตรียมปรับเงื่อนไขแจกเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 16 ล้านคน หรือตัดผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 2.5-5 หมื่นบ.หรือมีเงินฝาก 1-5 แสนบ. ออก โดยให้ KTB พัฒนาระบบ 
 
• ก. คลังระบุต้นทุนพอร์ตเงินกู้รัฐบาลเพิ่มสูงกว่า 3% จาก ส.ค.ที่ 2.6% ส่วนหนี้สาธารณะแตะ 11.03 ล้านลบ. หรือ 61.78%
 
• ราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานเตรียมปรับขึ้น กก. ละ 4 บ.ภายในเดือนนี้ จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น กก. ละ 2 บ. และการเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย กก. ละ 2 บ.
 
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.4 แสนบาร์เรล
 
• นายกฯ อิสราเอลระบุเตรียมโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา หลังยังมีชาวอิสราเอลจำนวนมากถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน
 
• ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติเลือกไมค์ จอห์นสัน เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ ยุติภาวะสุญญากาศของผู้นำนานประมาณ 3 สัปดาห์ พร้อมลงมติสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส
 
• ยอดขายบ้านใหม่ ก.ย. ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 12.3%MoM สู่ระดับ 759,000 ยูนิต สูงสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 65 และสูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 680,000 ยูนิต

กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้ แต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากยังคงต้องติดตามความรุนแรงในตะวันออกกลางว่าขยายวงกว้างไปสู่อิหร่านหรือไม่  รวมถึงความกังวลเงินเฟ้อ และผลตอบแทนพันธบัตร ที่อาจเป็นปัจจัยสร้างความผันผวนให้กับตลาด อีกทั้งปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยว่าจะถูกกระทบจากเหตุการณ์ในช่วงต้นเดือนหรือไม่ และความชัดเจนของนโยบายแจกเงินดิจิทัล กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน
 
Weekly Portfolio : สัปดาห์นี้มอง SET มีโอกาสจะฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้บ้าง แต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
 
1) หุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หลังกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลางกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก BCP PTTEP TOP
 
2) หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS CPALL CPN MINT
 
3) หุ้นที่คาดผลประกอบการดีต่อเนื่องไปใน 4Q66 (+YoY, +QoQ) เลือก AP AOT BLA BCH CENTEL รวมทั้ง KCE ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (+QoQ)
 
ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY TOP PICKS
 
CPAXT 3Q66 คาดกำไรปกติที่ 1.76 พันลบ. +10%YoY และ +14%QoQ  เด่นสุดในกลุ่มพาณิชย์ เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำเสร็จสิ้น ขณะที่ 4Q66 คาดจะเป็นไตรมาสที่มีกำไรปกติดีที่สุดของปีนี้ โดยจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ
 
BDMS เป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ภาวะตลาดที่ผันผวนสูง โดยราคาหุ้น BDMS ปรับลง 6.9%YTD น้อยกว่า SET ที่ปรับลง 16.0%YTD อีกทั้งยังเป็นหุ้น Undervalued ซึ่งมีราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่แท้จริง ขณะที่พื้นฐานยังคงแข็งแกร่งและกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 ต.ค. 2566 เวลา : 10:56:00
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 2:33 pm