เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ฟื้นจำกัด และยังอ่อนแรง"



 
คาด SET แม้มีการรีบาวด์ทางเทคนิคได้บ้าง หลังปรับลงแรงเมื่อวาน อย่างไรก็ตาม สัญญาณโดยรวมยังเป็นลบ และความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดเป็นปัจจัยกดดัน ทำให้กรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1375 และ 1383 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1360 และ 1350 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ
 
• รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านระบุ ฮามาสพร้อมปล่อยตัวประกันพลเรือน หากอิสราเอลปล่อยชาวปาเลสไตน์ที่ถูกขัง 6 พันคนด้วย
 
• สหรัฐรายงาน GDP 3Q66 (ครั้งที่ 1) +4.9% ขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี และสูงกว่าคาดที่ 4.7% ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสู่ 2.1 แสนราย สูงกว่าคาด
 
• ผลประชุม ECB มีมติคง ดบ. ตามคาด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ก.ค. 2565 หลังจากปรับขึ้น ดบ. 10 ครั้งติดต่อกันรวม 4.5%
 
• Amazon และ Intel รายงานกำไรและรายได้ 3Q66 ดีกว่าคาด
 
• กกพ. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อคำนวณค่า FT งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 67 ซึ่งจากคาดการณ์แนวโน้มต้นทุนอาจแพงกว่างวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค.66) เล็กน้อย 5-10 สต. จากราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเป็นผลจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
 
• กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ระบุวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรง 2.17%DoD เป็นไปตามภูมิภาค fund flow ที่ไหลออกส่วนใหญ่เป็นเงินทุนระยะสั้น ไม่พบแรงขายชอร์ตที่ผิดปกติ
 
• ตลท. เปิดรับฟังความคิดเห็นขยายเวลาซื้อขายเพิ่มเป็น 5 ชม. ต่อวัน เริ่มจากช่วงบ่ายก่อนโดยเปิดเร็วขึ้นครึ่งชั่วโมง ก่อนขยายเวลาเพิ่มในช่วงเช้าอีกครึ่งชั่วโมงระยะถัดไป ขณะที่ผลศึกษาพบตลาดหุ้นไทยมีชั่วโมงการซื้อขายน้อยกว่าตลาดอื่น
 
• WHA ลงนามสัญญาซื้อขายที่ดินกับฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย 250 ไร่ ตั้งโรงงานผลิต EV เฟสแรกลงทุน 8.86 พันลบ. ผลิตรถยนต์ 1 แสนคัน/ปี

กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้ แต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากยังคงต้องติดตามความรุนแรงในตะวันออกกลางว่าขยายวงกว้างไปสู่อิหร่านหรือไม่  รวมถึงความกังวลเงินเฟ้อ และผลตอบแทนพันธบัตร ที่อาจเป็นปัจจัยสร้างความผันผวนให้กับตลาด อีกทั้งปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยว่าจะถูกกระทบจากเหตุการณ์ในช่วงต้นเดือนหรือไม่ และความชัดเจนของนโยบายแจกเงินดิจิทัล กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : สัปดาห์นี้มอง SET มีโอกาสจะฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้บ้าง แต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามทั้งในประเทศและต่างประเทศ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หลังกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลางกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก BCP PTTEP TOP

2) หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS CPALL CPN MINT

3) หุ้นที่คาดผลประกอบการดีต่อเนื่องไปใน 4Q66 (+YoY, +QoQ) เลือก AP AOT BLA BCH CENTEL รวมทั้ง KCE ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (+QoQ)

ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY TOP PICKS

SCGP มองผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดปีนี้แล้วใน 3Q66 ขณะที่ 4Q66 คาดผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น QoQ ตามแนวโน้มราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ดีขึ้น อีกทั้งราคาหุ้น SCGP ลดลง 38.4%YTD แย่กว่า SET ที่ลดลง 18.2%YTD ซึ่งมองสะท้อนปัจจัยลบส่วนใหญ่ไปแล้ว

GULF 2H66 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น YoY และ HoH แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า IPP อีกแห่งหนึ่ง คือ GPD หน่วยที่ 2 (662.5MW) จะเริ่มดำเนินการใน ต.ค. 66 และส่วนแบ่งกำไรจาก Jackson Generation คาดจะเพิ่มขึ้น HoH เทียบกับขาดทุน 349 ลบ. ใน 1H66 จากราคาไฟฟ้าต่ำ
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 ต.ค. 2566 เวลา : 10:58:48
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 2:43 pm