นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานมาตรการแก้ไขหนี้ภาคประชาชนเพื่อลูกหนี้รายย่อยธนาคารออมสิน ตามนโยบายแก้หนี้ของรัฐบาล ที่ธนาคารออมสิน สาขาคลองจั่น เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 พร้อมเยี่ยมชมจุดเจรจาแก้ไขหนี้ และเยี่ยมชมบูธ Financial Literacy / Coach Aom บูธฝึกอบรมสร้างงานสร้างอาชีพ โดยมีนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหารธนาคารออมสิน ให้การต้อนรับ ว่ามาตรการแก้ไขหนี้ที่เริ่มเปิดให้ประชาชนที่เป็นลูกหนี้ธนาคารออมสิน เข้าร่วมลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา รวม 15 วัน มีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมากรวมแล้วกว่า 15,000 คน วงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยประชาชนที่สนใจสามารถเข้าลงทะเบียนเพื่อแก้ไขหนี้ได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2566 ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
“มาตรการแก้ไขหนี้มีประโยชน์กับประชาชนรายย่อยที่จะสามารถพ้นจากสภาวะการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ซึ่งมาตรการนี้นอกจากจะให้พักชำระเงินต้นแล้ว ยังให้ทางเลือกจ่ายดอกเบี้ยตั้งแต่ร้อยละ 25-100 รวมถึงลูกหนี้ที่มีสถานะ NPL อยู่ก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ธนาคารออมสินยังจะชะลอกระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ฟ้อง ไม่ยึดทรัพย์ ไม่ขายทอดตลาดและไม่ฟ้องล้มละลายอีกด้วย และสามารถผ่อนชำระหนี้ได้นานสูงสุดถึง 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นพิเศษ”นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฎากล่าวต่อไปว่า มาตรการแก้ไขหนี้นี้ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาให้กับภาคประชาชนรายย่อย ยังช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้ลดลงด้วย ทั้งนี้ ณ ไตรมาส 2 ปี 2566 หนี้ครัวเรือน อยู่ที่ระดับ 90.7%
นอกจากนี้ แผนงานดำเนินการแก้ไขหนี้ต่อไปที่จะทำในเร็วๆ นี้ เพื่อให้เป็นการแก้ไขหนี้แบบบรูณาการ คือ การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ขึ้นมาเพื่อรวมหนี้ของธนาคารของรัฐมาไว้ที่นี้ โดยมีธนาคารออมสิน เป็นผู้บริหารจัดการวางรูปแบบการดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นจะทำโครงการนำร่อง (Pilot Project) จากกลุ่มลูกหนี้ของธนาคารออมสินก่อน ซึ่งขณะนี้ธนาคารออมสินอยู่ระหว่างทำแผนการดำเนินการมานำเสนอต่อกระทรวงการคลัง ก่อนที่จะขยายไปยังการรับโอนหนี้จากธนาคารรัฐแห่งอื่นไปให้ AMC ที่จัดตั้งใหม่บริหาร
ด้าน นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า การดำเนินการโอนหนี้หรือขายหนี้ NPL ทั้งในกลุ่มลูกค้ารายย่อยและ SME เข้า AMC ที่จัดตั้งใหม่ คาดจะดำเนินการได้ไม่เกินต้นปีหน้า ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อหนี้ภาคประชาชนแล้ว ยังส่งผลทำให้หนี้ครัวเรือนของประเทศลดลง
“ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งรูปแบบการจัดตั้ง AMC การบริหารจัดการ และการหาพาร์ทเนอร์หรือหุ้นส่วน ที่เป็นมืออาชีพมีความเชี่ยวชาญบริหารหนี้ มาบริหารจัดการ AMC ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งขณะนี้ รูปแบบ มองไว้แล้ว และพาร์ทเนอร์มองไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะต้องรอเสนอแผนต่อกระทรวงการคลังเข้าไปใหม่ เนื่องจากแผนดำเนินงาน ปี 2567 ได้นำเสนอกระทรวงการคลังไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เมื่อมีเรื่องแก้หนี้ตามนโยบายรัฐบาลเข้ามาใหม่ จึงต้องเสนอแผนปีหน้าเข้าไปใหม่อีกครั้ง จึงจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้หลังการอนุมัติ”นายวิทัยกล่าว
ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวต่อไปว่า โครงการแก้หนี้ตามนโยบายรัฐบาลที่ธนาคารออมสินทำอยู่ มีประโยชน์อย่างมากต่อภาคประชาชนรวมถึง SME ที่จะสามารถหลุดจากการเป็นลูกหนี้ NPL และไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะไม่เช่นนั้นลูกหนี้ต้องติดเป็น NPL ถึง 8 ปี เนื่องจากลูกหนี้จะถูกสถาบันการเงินนำส่งข้อมูลการเป็นหนี้เสียให้เครดิตบูโร 5 ปี และยังต้องค้างอยู่ในระบบของสถาบันการเงินอีก 3 ปี แต่หากมีการบริหารจัดการหนี้ด้วยหลักการ AMC จะช่วยร่นระยะเวลาพ้นสถานะการเป็นหนี้ NPL ได้รวดเร็วขึ้น ขณะเดียวกันหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยก็จะลดลงด้วย
ทั้งนี้ ระยะต่อไปจะเปิดให้สถาบันการเงินหรือธนาคารของรัฐแห่งอื่นที่สนใจสามารถเข้ามาโอนหนี้ขายหนี้ให้กับ AMC เพื่อบริหารจัดการหนี้ก้อนนั้นต่อไปได้ ซึ่งการดำเนินการแก้หนี้ตามนโยบายรัฐครั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่ได้หวังผลกำไร แต่ทำเพื่อสังคม ตามนโยบายของธนาคารออมสินในการเป็นธนาคารเพื่อสังคม หรือ Social Bank
นอกจากนี้ ยังเกิดประโยชน์ต่อประเทศ ทั้งภาคประชาชน และสถาบันการเงินที่นำหนี้มาขาย เพราะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เหล่านี้ได้ถูกต้องสำรองหนี้ไว้เต็มจำนวนแล้ว การขายหนี้โอนหนี้ออกไปจึงเท่ากับรายได้หรือกำไรที่จะเข้ามายังสถาบันการเงิน
ข่าวเด่น