คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ โดยกรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1402 จุด จากสัญญาณเทคนิคในระยะสั้นที่เข้าสู่ภาวะ overbought และนักลงทุนในตลาด รอประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟดในการประชุมวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. ส่วนกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1390 และ 1380 จุด ตามลำดับ คาดว่ายัง รองรับได้ จากสัญญาณเทคนิคในภาพรวมที่เป็นบวก
ประเด็นสำคัญ
• WTO เตือนความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่กำลังดำเนินอยู่จะส่งผลกระทบต่อ ศก. โลกหากขยายวงไปไกลเกินภูมิภาค ตอ. กลาง ด้านสหรัฐเตรียมเปิดตัวโครงการริเริ่มอินโดแปซิฟิก
• Toyota Motors รายงานยอดผลิตและยอดขายรถยนต์ทั่วโลก เม.ย.-ก.ย. ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หนุนจากปัญหาขาดแคลนชิปเริ่มคลี่คลายลง
• รมว.แรงงานระบุการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 1 ม.ค. 2567 เป็นรายจังหวัด ซึ่งไม่ได้เท่ากันทั้งหมดตามโครงสร้างของระบบ ศก.
• กกร. นำน้ำตาลทรายเข้าบัญชีสินค้าควบคุม กำหนดราคาขายหน้าโรงงานและราคาขายปลีกเหมือนเดิม หลัง สอน.ประกาศให้ขึ้น พร้อมควบคุมส่งออกเกิน 1,000 กก.ต้องขออนุญาต นำเสนอ ครม. วันนี้ ก่อนประกาศลงราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ทันที
• กพท. ดำเนินนโยบายเป็นฮับการบินภูมิภาค เตรียมจัดสรร slot เพิ่ม 15% ต่อสัปดาห์ คาดปี 2567 ปริมาณเที่ยวบินเทียบเท่าปี 2562 ที่ 1.07 ล้านเที่ยว
• ที่ปรึกษานายกฯ คาดเงิน 1 หมื่นบ. มีแหล่งที่มาจากเงินงบฯ ปี 67-68 คาดเริ่มใช้ ก.ย. 2567 โดย 90% อาจต้องใช้แอปเป๋าตัง
• ศาลปกครองสูงสุดกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น รับคำฟ้องเพิกถอนมติ กสทช. กรณีควบรวม TRUE – DTAC เรามองเป็น sentiment ลบโดยตรงต่อ TRUE เพราะเป็น overhang ต่อราคาหุ้น ส่วน ADVANC คาดได้รับ sentiment ลบทางอ้อม เนื่องจากตลาดคาดหวังว่าการแข่งขันจะลดลงจากจำนวนผู้เล่นที่ลดลง
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัว จากคาดแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจของจีนจะฟื้นตัวและของสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ดี Upside จะยังถูกจำกัด เนื่องจากมีปัจจัยลบที่ต้องติดตามจากความรุนแรงในตะวันออกกลาง ความกังวลเงินเฟ้อและผลตอบแทนพันธบัตรที่สูง รวมถึงท่าทีของเฟดที่ยังคงดอกเบี้ยสูงต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามประกาศงบ 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector หลังก่อนหน้านี้กลุ่มธนาคารรายงานกำไร 3Q66 ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด (9M66 กำไรคิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปี) ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัวแต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากรอติดตามสถานการณ์ตะวันออกกลาง และประกาศงบ 3Q66 ของกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไร ซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หากความตึงเครียดในตะวันออกกลางไม่ทวีความรุนแรงมากขึ้น (Upside ราคาน้ำมัน 5-10 เหรียญสหรัฐฯ) แนะนำเทรดดิ้งราคาน้ำมัน Brent ในกรอบ 84-94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เลือก BCP PTTEP TOP
2) หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 66F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS CPALL CPN MINT
3) หุ้นที่คาดผลประกอบการดีต่อเนื่องไปใน 4Q66 (+YoY, +QoQ) เลือก AP AOT BLA BCH CENTEL รวมทั้ง KCE ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (+QoQ)
ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
DAILY TOP PICKS
CPALL มองเป็นหุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER 66F ระดับ 30 เท่า (-1S.D. จาก PE เฉลี่ย 10 ปี) ขณะที่ 3Q66 คาดจะมีกำไรปกติเติบโต 11%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์
MINT มองเป็นหุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี โดยคาดว่ากำไรปกติ 3Q66 จะปรับตัวดีขึ้น YoY ต่อเนื่อง แต่จะลดลง QoQ โดยมีสาเหตุมาจากช่วงโลว์ซีซั่นในยุโรป
ข่าวเด่น