ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงกว่า 20 เหรียญเมื่อวานนี้ โดยถูกกดดันจากแรงเทขายทำกำไรและการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ หลังสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสยังไม่มีความคืบหน้าที่จะรุนแรงขยายไปสู่ภูมิภาค ขณะที่สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำในไตรมาส 3/2566 ปรับตัวลดลง 6% ด้านกองทุนทองคำ SPDR ปัจจุบันถือครองเท่าเดิมที่ 859.49 ตัน สำหรับภาพรวมราคาทองไทยยังคงทรงตัว เนื่องจากค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าขึ้นอย่างมาก จากเมื่อวานนี้อยู่ที่ระดับ 35.95 บาทต่อดอลลาร์ และเช้านี้อยู่ที่ 36.25 บาทต่อดอลลาร์ จึงทำให้ราคาทองไทยยังคงทรงตัวเท่าเดิมที่บริเวณ 33,800-33,900 บาทต่อบาททองคำ
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำเข้าสู่การปรับฐานอีกครั้ง หลังจากที่ไม่สามารถยืนเหนือระดับ 2,000 เหรียญได้ และกลับลงมาทดสอบแนวรับระยะสั้นที่บริเวณ 1,980 เหรียญ โดยในเชิงเทคนิคหากราคาทองคำสามารถยืนอยู่เหนือระดับ 1,960 เหรียญได้ ราคาทองคำจะมีโอกาสทรงตัวและไปต่อได้ แต่หากราคาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่า 1,960 เหรียญลงมา จะต้องวิเคราะห์ถึงภาพรวมอีกครั้งว่าราคาทองคำจะกลับมาเป็นขาขึ้นได้หรือไม่ สำหรับวันนี้คาดว่าราคาทองคำจะมีกรอบแนวรับที่ 1,965 เหรียญ และแนวต้านที่ 1,995 เหรียญ
สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,985 เหรียญ และแนวต้าน 2,015 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,975 เหรียญ และแนวต้าน 2,005 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยมีแนวรับที่ 33,700 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 34,100 บาท/บาททองคำ
Gold Futures Series Z23 จะมีแนวรับที่ระดับ 33,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 34,250 บาท
โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 10 - 20 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
แนะนำลงทุนในกรอบ Sideways ตามการแกว่งตัวของราคาระหว่างวัน ลงซื้อขึ้นขาย ระวังความผันผวนของราคา
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับและปิดทำกำไรตามแนวต้าน ระวังความผันผวนของราคา
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรในกรอบ เปิดสถานะตามแนวต้านและปิดทำกำไรตามแนวรับ เน้นเทรดระยะสั้น ระวังความผันผวนของราคา
ข่าวเด่น