คาด SET แกว่งในกรอบระหว่าง 1370-1398 จุด โดยนักลงทุนในตลาด รอผลประชุมเฟดในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ย ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และตลาดที่ขาดปัจจัยหนุน ทำให้การฟื้นตัวจำกัด ด้านภาพรวม หากต่ำกว่า 1370 จุด เป็นสัญญาณลบต่อ และมีโอกาสทำ low ใหม่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1360 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ครม.เห็นชอบยกเว้นวีซ่า นทท. อินเดียและไต้หวัน 6 เดือน ตั้งแต่ 10 พ.ย.66-10 พ.ค.67 พำนักอยู่ไทยได้ไม่เกิน 30 วัน ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวอินเดียและไต้หวัน
• ครม.เห็นชอบลดภาษีน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกประเภท 1 บ./ลิตร ส่วนแก๊สโซฮอลล์ 91 กองทุนน้ำมันฯ บริหารจัดการเพิ่มอีก 1.5 บ./ลิตร เริ่ม 7 พ.ย. 66 นาน 3 เดือน
• ราชกิจจาฯ ประกาศน้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม 1 ปี มีผลทันที หลัง ครม.เห็นชอบ ด้านพาณิชย์ควบคุม ตั้งแต่ราคาหน้าโรงงาน-ราคาขายปลีก ตั้งเกณฑ์ส่งออกเกิน 1 ตัน ต้องขออนุญาต
• สศอ.ปรับประมาณการ MPI ปีนี้ติดลบ 4-4.5% จากเดิมติดลบ 2.8-3.8% ด้าน GDP ภาคอุตสาหกรรมปีนี้คาดติดลบ 2.5-3% จากเดิมติดลบ 1.5-2.5% จาก ศก. โลกชะลอตัว เงินบาทอ่อนค่า และความขัดแย้งระหว่าง ปท. ยังยืดเยื้อ
• ธปท. ระบุ ศก. ไทย ต.ค.และระยะต่อไปยังขยายตัวต่อได้ จากบริโภคใน ปท.-ท่องเที่ยวหนุน จับตา 4 ปัจจัยเสี่ยง การฟื้นตัวภาคส่งออก ความชัดเจนนโยบายรัฐ ภัยแล้งกระทบราคาสินค้าเกษตร ผลสงครามตะวันออกกลางต่อราคาพลังงาน
• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ต.ค. ปรับลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จากความกังวลเงินเฟ้อ การปรับขึ้น ดบ. สถานการณ์ ตอ. กลาง
• BOJ ปรับนโยบายคุมเส้นโค้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยกำหนดเพดานกรอบบนของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ที่ 1.0%
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัว จากคาดแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจของจีนจะฟื้นตัวและของสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ดี Upside จะยังถูกจำกัด เนื่องจากมีปัจจัยลบที่ต้องติดตามจากความรุนแรงในตะวันออกกลาง ความกังวลเงินเฟ้อและผลตอบแทนพันธบัตรที่สูง รวมถึงท่าทีของเฟดที่ยังคงดอกเบี้ยสูงต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามประกาศงบ 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector หลังก่อนหน้านี้กลุ่มธนาคารรายงานกำไร 3Q66 ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด (9M66 กำไรคิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปี) ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัวแต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากรอติดตามสถานการณ์ตะวันออกกลาง และประกาศงบ 3Q66 ของกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไร ซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หากความตึงเครียดในตะวันออกกลางไม่ทวีความรุนแรงมากขึ้น (Upside ราคาน้ำมัน 5-10 เหรียญสหรัฐฯ) แนะนำเทรดดิ้งราคาน้ำมัน Brent ในกรอบ 84-94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เลือก BCP PTTEP TOP
2) หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 66F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS CPALL CPN MINT
3) หุ้นที่คาดผลประกอบการดีต่อเนื่องไปใน 4Q66 (+YoY, +QoQ) เลือก AP AOT BLA BCH CENTEL รวมทั้ง KCE ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (+QoQ)
ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
DAILY TOP PICKS
GLOBAL เราคาดกำไรสุทธิ 3Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ และกำไรสุทธิ 4Q66 จะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากสินค้าคงคลังล้าสมัยเหมือนใน 4Q65
BCH มองราคาหุ้นมีแนวโน้ม outperform SET โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีขึ้นใน 2H66 โดย 3Q66 คาดกำไรปกติจะดีขึ้น QoQ สู่ 380-400 ลบ. และทำจุดสูงสุดของปีนี้ใน 4Q66
ข่าวเด่น