เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ชะลอตัวสลับบ้าง แต่ภาพรวมฟื้นต่อ"


คาด SET แม้มีการชะลอตัวสลับในระยะสั้น เพื่อลดความร้อนแรงของสัญญาณเทคนิค อย่างไรก็ตาม มองแนวรับบริเวณ 1410 และ 1402 จุด ตามลำดับ เป็นจุดรองรับได้ และฟื้นตัวได้ต่อ ตามภาพรวมของสัญญาณเทคนิค และปัจจัยหนุนจากที่ตลาดคาดว่าเฟดจะสิ้นสุดวงจรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ด้านแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1425 และ 1437 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• สภาผู้แทนฯ สหรัฐผ่านร่าง กม. สนับสนุนการคว่ำบาตรน้ำมันของอิหร่านที่จะกำหนดมาตรการกับท่าเรือ ตปท. และโรงกลั่นที่ดำเนินการปิโตรเลียมที่ส่งออกจากอิหร่าน ทั้งนี้ร่าง กม. ดังกล่าวอยู่ระหว่างวุฒิสภาพิจารณาและลงนามโดย ปธน. ไบเดน ก่อนที่จะประกาศเป็นกฎหมาย

• สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ต.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 1.5 แสนตำแหน่ง ต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี และต่ำกว่าตลาดคาด ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.9% สูงกว่าตลาดคาด ทางด้านดัชนี PMI ภาคบริการ ต.ค.ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.6 จากระดับ 50.1 ใน ก.ย. บ่งชี้ภาคบริการสหรัฐยังคงขยายตัว

• เกาหลีใต้ออกมาตรการห้ามทำการขายชอร์ตหุ้นใน บจ. ในดัชนี KOSPI 200 Index และดัชนี KOSDAQ 150 Index มีผลบังคับใช้ 6 พ.ย. 66-มิ.ย. 67 เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบและระบบการซื้อขายในตลาดหุ้น สร้างความเท่าเทียมระหว่าง นลท. รายย่อยและสถาบัน

• ก. แรงงานเตรียมประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำใน ธ.ค. นี้ แต่คาดว่าไม่ถึงวันละ 400 บ. ตามที่นายกฯ เคยประกาศไว้ โดยแต่ละจังหวัดจะปรับขึ้นไม่เท่ากัน โดยปรับสูงสุดคือหลักสิบเท่านั้น

• รัฐบาลประกาศแผนซอฟต์พาวเวอร์ สร้างรายได้ 4 ล้านลบ. ภายใน 4 ปี ออก พ.ร.บ. ตั้ง สนง. Thailand Creative Content Agency อบรม 20 ล้านคน พัฒนา 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์สู่เวทีโลก

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง หลังมีความหวังเฟดอาจใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ดี คาด Upside จะยังถูกจำกัด เนื่องจากยังขาดปัจจัยบวกใหม่เพิ่มเติมที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศลงทุน อีกทั้งมีประเด็นเสี่ยงที่ต้องติดตามจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และปัจจัยในประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงติดตามการประกาศผลการดำเนินงาน 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัวต่อได้ แต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ รวมทั้งรอติดตามสถานการณ์ตะวันออกกลาง และประกาศงบ 3Q66 ของกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้น Big Cap. ที่คาดฟื้นตัวตามตลาด โดยเลือกหุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS CPALL CPN MINT

2) หุ้นที่คาดผลประกอบการดีต่อเนื่องไปใน 4Q66 (+YoY, +QoQ) เลือก AP AOT BCH CENTEL รวมทั้ง KCE ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (+QoQ)

3) หุ้นเก็งกำไร ซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หากความตึงเครียดในตะวันออกกลางไม่ทวีความรุนแรงมากขึ้น (Upside ราคาน้ำมัน 5-10 เหรียญสหรัฐฯ) แนะนำเทรดดิ้งราคาน้ำมัน Brent ในกรอบ 84-94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เลือก BCP PTTEP

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

DAILY TOP PICKS

KCE มองน่าสนใจที่สุดในกลุ่มฯ จากเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นใน 2H66 ตามช่วง High season ของธุรกิจ และต่อเนื่องไปยังปี 67 ตามดีมานด์ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรถยนต์ที่ฟื้นตัวจากการลดสินค้าคงคลัง ขณะที่ Valuation ยังมีส่วนลดเมื่อเทียบกับ PE mean ในอดีต

MINT มองเป็นหุ้น Big Cap. ที่คาดฟื้นตัวตามตลาด โดยราคาหุ้นปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังดี ทั้งนี้ 3Q66 คาดกำไรปกติจะดีขึ้น YoY จากความต้องการเดินทางเพื่อพักผ่อนและเพื่อธุรกิจที่เพิ่มขึ้น แต่จะลดลง QoQ จากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นในยุโรป
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 พ.ย. 2566 เวลา : 11:13:54
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 11:41 am