คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบระหว่าง 1373-1406 จุด ขณะที่สัญญาณเทคนิคในภาพรวมยังดูอ่อนแรง โดยกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1398 และ 1406 จุด ต้องขึ้นทะลุผ่านให้ได้ก่อนถึงจะเป็นสัญญาณบวกต่อภาพการฟื้นตัว ด้านแนวรับอยู่ที่ 1380 และ 1373 จุด ตามลำดับ ประเด็นสำคัญ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้
ประเด็นสำคัญ
• วันนี้จับตา ก.คลังและ FETCO หารือเตรียมตั้งกองทุน ESG ลักษณะคล้าย LTF ระดมทุนเข้า ตลท. มูลค่าราวแสนลบ. ฟื้นความเชื่อมั่น นลท. ยืนยันไม่มี Short Sell ทำราคาหุ้นลงแรงต่อเนื่อง
• พาณิชย์เตรียมเสนอ ครม. ปรับปรุงมาตรการดูแลควบคุมสินค้าน้ำตาลทราย โดยอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานและราคาขายปลีก อีก กก.ละ 2 บ. รวมถึงผ่อนปรนด้านการส่งออก และช่วยดูแลเกษตรกรที่มีภาระต้นทุนการปลูกอ้อยที่สูงขึ้น
• สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเห็นว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต และ e-Refund ช่วยกระตุ้น ศก. ได้ขึ้นกับหลักเกณฑ์ที่ต้องปฎิบัติได้จริง เสนอแนะให้ปรับเวลาประกาศใช้ใน เม.ย. แทน พ.ค.
• Fitch ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ณ ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)
• OPEC รายงานภาวะตลาดน้ำมัน พ.ย. ระบุ อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.46 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.44 ล้านบาร์เรล/วัน
• ตัวเลข ศก. จีนยังคงอ่อนแอ การบริโภคยังฟื้นตัวช้า ความมั่นใจของภาคธุรกิจเอกชนเริ่มปรับตัวลงในเดือน ต.ค.
• Chevron กลับมาดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่ง Tamar ในอิสราเอลหลังจากที่ปิดไปในเดือนที่ผ่านมาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่อิสราเอลส่งก๊าซไปอียิปต์เพิ่มขึ้น 60% เนื่องจากความเสี่ยงคลี่คลาย ซึ่งอียิปต์ใช้สำหรับส่งออกเป็น LNG บางส่วน
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นคาด SET จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการทั่วโลกไม่แย่กว่าที่ตลาดกังวล อีกทั้งในประเทศยังมีความคาดหวังการจัดตั้งกองทุน LTF และต่ออายุ SSF อย่างไรก็ดีในแง่ของ Upside ของ SET มองจะยังถูกจำกัด หลังอาจมีแรงขายทำกำไรจากการสิ้นสุดประกาศผลการดำเนินงาน 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ ภายใต้ Upside ที่จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ที่คาดฟื้นตัวได้ตามตลาดและมีความผันผวนต่ำ โดยเลือกหุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS BEM BBL GULF SCGP
2) หุ้น Earnings Play ซึ่งจะมีการประกาศงบ 3Q66 ในสัปดาห์หน้า ขณะที่โมเมนตัมกำไร 4Q66 จะยังเติบโต YoY และเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เลือก ERW AOT CENTEL ZEN CRC
วันนี้จากประเด็นกระทรวงการคลังและ FETCO เตรียมหารือจัดตั้งกองทุน ESG มูลค่าราวแสนล้านบาทเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นการลงทุนนั้น เราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ 1) ได้ ESG Rating “AAA” หรือ “AA” และ 2) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง YTD พบว่า มี 5 หุ้นที่น่าสนใจซึ่งคาดจะเป็นเป้าหมายการลงทุน TOP CRC SCGP GULF ZEN
ขณะที่ระยะกลางระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) กลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
DAILY TOP PICKS
TOP มองเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AAA” และ Valuation ไม่แพง ราคาหุ้นปรับลง 16%YTD ปัจจุบันซื้อขายที่ PBV 0.6 เท่า (-1.6SD) ขณะที่คาด GRM ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงที่เหลือของปีนี้จะหนุนให้กำไรปี 2566 ยังมี upside จากประมาณการปัจจุบันอยู่บ้าง
CRC มองเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AAA” และ Valuation ไม่แพง ราคาหุ้นปรับลง 17%YTD ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 27.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม 28.3 เท่า ขณะที่ 4Q66 คาดเป็นไตรมาสดีสุดของปีนี้จาก High Season และ 1Q67 คาดได้อานิสงส์จากโครงการ e-Refund
ข่าวเด่น