.jpg)
คาด SET ฟื้นตัวได้ ด้วยปัจจัยหนุนเงินเฟ้อสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาด หนุนการคาดการณ์ว่าเฟดยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว โดย bond yield สหรัฐปรับตัวลง และดอลลาร์อ่อนค่า ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1398 และ 1406 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1378 และ 1370 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• คลังอนุมัติตั้งกองทุน TESG ลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ที่มี ESG หวังกระตุ้นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ระยะยาว โดยให้ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบ./ปี เริ่มลงทุนได้ 1 ธ.ค. นี้ คาดมีเม็ดเงินเข้ามากว่า 1 หมื่นลบ. เตรียมเสนอ ครม. พิจารณาสัปดาห์หน้า
• ครม. อนุมัติปรับขึ้นราคาน้ำตาลหน้าโรงงาน 2 บ. แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เกษตรกร ส่วนอีก 2 บ. สำหรับกองทุนดูแลสิ่งแวดล้อมยังไม่อนุมัติ ให้มีผลทันที เรามองกระทบต้นทุนการผลิตกลุ่มเครื่องดื่มที่จำหน่ายใน ปท. กดดัน GPM หากไม่ปรับราคาขายมาชดเชย แนะนำ wait and see รอ Demand และ Volume ฟื้นปลายปีและความชัดเจนต้นทุนในปีหน้า
• นายกฯ ระบุหารือ Tesla สนใจลงทุนในไทย เตรียมเดินทางมาดูที่ตั้งโรงงานหลังเอกชนไทยเสนอพื้นที่ 3 แห่ง คาดตัดสินใจช่วง 1Q67 พร้อมหนุนโครงการแลนด์บริดจ์ให้ไทยเป็น ศก. การค้า ขนส่งในภูมิภาค
• IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้สู่ระดับ 2.4 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน และปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปี 2567 สู่ระดับ 930,000 บาร์เรล/วัน จากเดิมที่ระดับ 880,000 บาร์เรล/วัน
• ดัชนี CPI สหรัฐ ต.ค. ปรับตัวขึ้น 3.2%YoY และดัชนี CPI พื้นฐาน ต.ค. ปรับตัวขึ้น 4.0%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดคาดหวังการยุติวงจรปรับขึ้น ดบ. ของ Fed และอาจเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นคาด SET จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการทั่วโลกไม่แย่กว่าที่ตลาดกังวล อีกทั้งในประเทศยังมีความคาดหวังการจัดตั้งกองทุน LTF และต่ออายุ SSF อย่างไรก็ดีในแง่ของ Upside ของ SET มองจะยังถูกจำกัด หลังอาจมีแรงขายทำกำไรจากการสิ้นสุดประกาศผลการดำเนินงาน 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ ภายใต้ Upside ที่จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ที่คาดฟื้นตัวได้ตามตลาดและมีความผันผวนต่ำ โดยเลือกหุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS BEM BBL GULF SCGP
2) หุ้น Earning Play ซึ่งจะมีการประกาศงบ 3Q66 ในสัปดาห์หน้า ขณะที่โมเมนตัมกำไร 4Q66 จะยังเติบโต YoY และเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เลือก ERW AOT CENTEL ZEN CRC
วานนี้กระทรวงการคลังอนุมัติตั้งกองทุน TESG ลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ที่มี ESG หวังกระตุ้นการลงทุนใน ตลท. ระยะยาว โดยให้ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี ระยะถือครอง 8 ปี เริ่มลงทุนได้ ธ.ค. นี้ คาดมีเม็ดเงินเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นลบ. ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ 1) ได้ ESG Rating “AAA” หรือ “AA” และ 2) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง YTD พบว่า มี 5 หุ้นที่น่าสนใจซึ่งคาดจะเป็นเป้าหมายการลงทุน ได้แก่ TOP CRC SCGP GULF ZEN
(ทั้งนี้ในอดีตที่คลังเคยอนุมัติ SSF เฉพาะกิจ (SSFX) ในช่วงโควิด ให้ลงทุนในหลักทรัพย์ไทยไม่น้อยกว่า 65% โดยให้ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 2 แสนบาทต่อปี ระยะถือครอง 8 ปี เริ่มลงทุนได้ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. มีเม็ดเงินเข้ามาราว 2 หมื่น ลบ. และ SET Index ปรับขึ้นกว่า 200 จุด)
ขณะที่ระยะกลางระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) กลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
DAILY TOP PICKS
GULF มองเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AA” และเรายังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง โดย 4Q66 คาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากโรงไฟฟ้า IPP (GPD) อีก 1 หน่วยเริ่มดำเนินการแล้วในเดือน ต.ค. รวมทั้งจะมีกำไรจาก Jackson Generation เพิ่มขึ้นด้วย
CRC กำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และ 4Q66 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีนี้ โดยกำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY อีกทั้งเป็นผู้ได้รับประโยชน์รายหลักของกลุ่มฯ จากโครงการ E-refund คาดเริ่ม ม.ค. 67 รวมทั้งมองเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจซึ่งคาดจะเป็นเป้าหมายการลงทุน Rating “AAA”
ข่าวเด่น