คาด SET แกว่งระหว่างกรอบ โดยกรอบล่างบริเวณแนวรับ 1410 จุด ยังรองรับได้ ทำให้ในระยะสั้น มีแนวโน้มขึ้นหากรอบบนบริเวณแนวต้าน 1420 จุด ซึ่งหากขึ้นทะลุผ่านได้เป็นสัญญาณบวกต่อ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1430 จุด ส่วนกรณี หากต่ำกว่า 1410 จุด เป็นสัญญาณพักตัวต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1400 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ททท. คาดการเดินทางเที่ยวไทยของคนไทยช่วงลอยกระทง (27 พ.ย.) จะมีจำนวน 2.04 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 10% สร้างรายได้ 6.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 5% โดยมีอัตราเข้าพัก 58% จากสภาพ ศก. ที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้คนไทยมีกำลังซื้อน้อยและระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้รายได้เติบโตน้อยกว่าจำนวนการเดินทางท่องเที่ยว
• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 231,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน และบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐชะลอตัวลง
• วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างฯ งบประมาณชั่วคราวแล้ว และจะส่งไปให้ ปธน. ไบเดนลงนามเป็น กม. ในวันนี้ ทำให้รัฐบาลรอดพ้นจากการเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
• จีนระบุราคาบ้านใหม่ ต.ค. ใน 70 เมือง ลดลง 0.38% ลดลงมากสุดในรอบ 8 ปี ส่งสัญญาณว่าตลาดอสังหาฯ ทรุดตัวลงรุนแรงมากขึ้น แม้ว่ารัฐบาลพยายามฟื้นฟูอุปสงค์ในภาคอสังหาฯ แล้วก็ตาม
• Cisco Systems Inc. ปรับลดคาดการณ์กำไรปีหน้าลงจากความต้องการอุปกรณ์เครือข่ายมีแนวโน้มชะลอตัวลง ขณะที่ Walmart เปิดเผยคาดการณ์ผลกำไรในปีงบการเงิน 2566 ต่ำกว่าตลาดคาด
• Alibaba Group ยกเลิกแผนปรับโครงสร้างแยกธุรกิจ Cloud Intelligence Group ซึ่งดูแลธุรกิจคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ หลังรัฐบาลสหรัฐมีนโยบายห้ามส่งออกชิปที่ใช้ในธุรกิจ AI ไปยังจีน ทำให้บริษัทจีนประสบความยากลำบากในการนำเข้าชิปจากบริษัทสหรัฐ
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นคาด SET จะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการทั่วโลกไม่แย่กว่าที่ตลาดกังวล อีกทั้งในประเทศยังมีความคาดหวังการจัดตั้งกองทุน LTF และต่ออายุ SSF อย่างไรก็ดีในแง่ของ Upside ของ SET มองจะยังถูกจำกัด หลังอาจมีแรงขายทำกำไรจากการสิ้นสุดประกาศผลการดำเนินงาน 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญความผันผวนสูง แต่ช่วงสั้นมอง SET ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ ภายใต้ Upside ที่จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ที่คาดฟื้นตัวได้ตามตลาดและมีความผันผวนต่ำ โดยเลือกหุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้ง Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS BEM BBL GULF SCGP
2) หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไร 4Q66 จะยังเติบโต YoY และเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เลือก ERW AOT CENTEL ZEN CRC
จากการที่กระทรวงการคลังอนุมัติตั้งกองทุน TESG ลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ที่มี ESG หวังกระตุ้นการลงทุนใน ตลท. ระยะยาว โดยให้ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี ระยะถือครอง 8 ปี เริ่มลงทุนได้ ธ.ค. นี้ คาดมีเม็ดเงินเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นลบ. ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ 1) ได้ ESG Rating “AAA” หรือ “AA” และ 2) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง YTD พบว่า มี 5 หุ้นที่น่าสนใจซึ่งคาดจะเป็นเป้าหมายการลงทุน ได้แก่ TOP CRC SCGP GULF ZEN
(ทั้งนี้ในอดีตที่คลังเคยอนุมัติ SSF เฉพาะกิจ (SSFX) ในช่วงโควิด ให้ลงทุนในหลักทรัพย์ไทยไม่น้อยกว่า 65% โดยให้ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 2 แสนบาทต่อปี ระยะถือครอง 8 ปี เริ่มลงทุนได้ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. มีเม็ดเงินเข้ามาราว 2 หมื่นลบ. และ SET Index ปรับขึ้นกว่า 200 จุด)
ขณะที่ระยะกลางระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) กลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
DAILY TOP PICKS
BGRIM ได้ sentiment หนุนจาก Bond Yield สหรัฐลดลง รวมทั้งราคาก๊าซฯ ในยุโรป-ราคา LNG JKM มายังเอเชียปรับลง โดยผู้บริหารคาดต้นทุนก๊าซฯ ปีหน้าลดลง YoY ขณะที่โครงการ RE ที่ได้รับคัดเลือกในช่วง 1H66 อยู่ระหว่างรอเซ็น PPA ส่วนการเปิดรับซื้อรอบ 2 คาดจะเกิดขึ้นต้นปี 2567
ADVANC แม้ 4Q66 คาดจะเห็นกำไรปกติปรับลดลง QoQ โดยมีสาเหตุมาจากช่วงไฮซีซั่นของค่าใช้จ่ายการตลาด แต่เมื่อเทียบ YoY กำไรปกติน่าจะปรับขึ้นต่อเนื่อง จากรายได้ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น อีกทั้งช่วงสั้นมองมีประเด็นบวกเล็กน้อยจากเรื่องราคาซื้อ TTTBB ที่ลดลง
ข่าวเด่น