เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ลุ้นฟื้นตัวแถว 1370 - 1380 จุด"


 

SET ลงมาแถวบริเวณกรอบล่าง โดยมีแนวรับ อยู่ที่ 1380 และ 1370 จุด ตามลำดับ ที่คาดมีโอกาสฟื้นตัวจากแนวรับดังกล่าว ตามรูปแบบการเคลื่อนไหว sideways ด้านกรอบบนอยู่ที่แนวต้าน 1398 จุด ใช้เป็นจุดติดตาม หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อภาพการฟื้นตัว โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1410 จุด

ประเด็นสำคัญ

• คลังเตรียมเสนอ ครม. โครงการ e-Refund นำค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5 หมื่นบ. ลดหย่อนภาษี คาดหวังกระตุ้นการใช้จ่ายหนุน ศก.

• สภาพัฒน์ระบุอัตราว่างงานลดลง แต่หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 16.07 ล้านลบ. กังวลมาตรการพักหนี้เกษตรกรทำติดกับดักหนี้

• พาณิชย์รายงานการส่งออก ต.ค. มีมูลค่า 2.36 หมื่นล้านเหรียญเพิ่มขึ้น 8%YoY ขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 แต่ต่ำกว่าตลาดคาด 9.0-9.3% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 2.44 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 10.2%YoY ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 832 ล้านเหรียญ

• ยอดขายบ้านใหม่ ต.ค. ของสหรัฐลดลง 5.6% สู่ระดับ 6.79 แสนยูนิต ต่ำกว่าคาดที่ 7.23 แสนยูนิต จาก 7.19 แสนยูนิตใน ก.ย.

• WHO ระบุจำนวนผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจในจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตอนนี้ ยังไม่สูงเท่ากับช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด พร้อมเน้นย้ำว่า ยังไม่พบเชื้อโรคที่ผิดปกติหรือเชื้อชนิดใหม่ๆ แต่อย่างใด

• การใช้จ่ายออนไลน์ของสหรัฐในช่วง Cyber Monday อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 14%YoY มากกว่าคาด หลังยอดขายออนไลน์ทำสถิติสูงสุดในวัน Black Friday ที่ 9.8 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 7.5%YoY จากผู้ค้าปลีกเพิ่มโปรโมชันดึงดูดผู้บริโภค

• ปธน. ไบเดน จะไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ (COP 28) ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. นี้ เนื่องจากต้องมุ่งความสนใจไปที่สงครามในตะวันออกกลางและการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024

กลยุทธ์การลงทุน

เรามองช่วงสั้น SET จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ โดยการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ ตลาดและเราคาดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.50% ขณะที่คาดจะเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุน TESG ทยอยเข้ามาหลัง บลจ. เริ่มขายตั้งแต่ 1 ธ.ค. นี้ ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดหุ้นไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมอง SET เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ หลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศลงทุน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG เพื่อกระตุ้นการลงทุนใน ตลท. ระยะยาว ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating “AAA” หรือ “AA” และ (II) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET YTD เลือก SCGP OR CPALL BEM GULF CRC HMPRO

2) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG เพื่อกระตุ้นการลงทุนใน ตลท. ระยะยาว ซึ่งคัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่ได้ ESG Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า SET YTD อีกทั้งผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง และคาดให้ Div. Yield มากกว่า 5% ต่อปี เลือก PTT KTB

ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัยจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลซึ่งจะมีการประชุม ครม. 12 ธ.ค. นี้ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SPALI SIRI QH AP) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

DAILY TOP PICKS

AOT ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นลดลง 12% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน ซึ่งมองสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ขณะที่เราประเมินระดับราคา 57-60 บาท/หุ้น เป็นแนวรับขาลง และเชื่อว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อสะสมสำหรับการลงทุนระยะยาว หลังคาดกำไรยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว

GULF มองเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AA” และเรายังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง โดย 4Q66 คาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากโรงไฟฟ้า IPP (GPD) อีก 1 หน่วยเริ่มดำเนินการแล้วในเดือน ต.ค. รวมทั้งจะมีกำไรจาก Jackson Generation เพิ่มขึ้นด้วย
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 พ.ย. 2566 เวลา : 10:48:27
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 7:25 am