“แม็คกรุ๊ป” เชื่อมั่นผลงานไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 ทะยานรับช่วงไฮซีซั่น! ช่องทางขายออนไลน์ โตสนั่น! หลังยอดขาย “TIKTOK” ติดอันดับ 1 แบรนด์ยอดขายดี เดินหน้าออกคอลเลกชั่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการลูกค้า
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยในงาน Opportunity Day ถึงภาพรวมผลการดำเนินงานว่า บริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในงวดไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 (1 ต.ค. -31 ธ.ค. 2566) จากช่วงไตรมาส 1 ปีบัญชี 2567 ที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 129 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท และมีรายได้ 882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 759 ล้านบาท
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่ได้วางไว้ โดยในช่วงปลายปีนี้ จะมีการนำเสนอ คอลเลกชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ เช่น Mc Selvedge Dragon, Mc Journey และ Mc Play, Year of Dragon เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ และการท่องเที่ยวปลายปี รวมถึงการเปิด Mc Outlet ที่ดำเนินการเปิดอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือนพ.ย. 2566 มีจำนวน 125 สาขาทั่วประเทศ
“เรามั่นใจว่า จะมีกำไรเติบโตในเลขสองหลักได้อย่างต่อเนื่อง และในไตรมาส 2 จะโตเพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสแรก เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นฤดูกาลใช้จ่ายและการเดินทาง แม็คยีนส์ เรามีทั้งกางเกงยีนส์ และสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แม็คกรุ๊ป กล่าว
สำหรับการขายสินค้าของบริษัทฯ สิ้นไตรมาส 1 ปีบัญชี 2567 ช่องทางออฟไลน์ ผ่านร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) ที่เป็นช่องทางหลัก มีสัดส่วนกว่า 66% มีรายได้ 585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7%, ช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) สัดส่วน 11% มีรายได้ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.1% ช่องทางการขายออนไลน์ ในช่วง 11.11 ที่ผ่านมานั้น ยอดขายแบรนด์ “แม็คยีนส์” ผ่านแพลตฟอร์ม TIKTOK มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในหมวดหมู่สินค้าเสื้อผ้าผู้ชาย และมีแนวโน้มว่าในช่วง 12.12 คาดว่ายอดขายจะเป็นที่น่าพอใจเช่นกัน ช่องทางการขายออนไลน์ ถือว่าเป็นช่องทางที่มีมาร์จิ้นดี ช่วยสนับสนุนมาร์จิ้นรวมของบริษัท โดย ไตรมาส 1 ปีนี้ มีมาร์จิ้นที่ 66% ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ ซึ่งอยู่ที่ 64.6% สำหรับห้างสรรพสินค้า (Department Store) สัดส่วน 19% มีรายได้ 170 ล้านบาทลดลงเล็กน้อย
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นเดือนก.ย. 2566 มีเงินสดทั้งสิ้น 1,675 ล้านบาท และยังคงเป็นบริษัทที่มีสถานะไม่มีหนี้สินกับสถาบันการเงิน ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และพร้อมที่จะแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันภาพรวมรายได้และกำไรสุทธิงวดปี 2567 ให้เติบโตต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้
นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นยังคงได้รับเงินปันผลในอัตราเกือบ100% ต่อเนื่องมานับตั้งแต่เข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทฯ ยังคงมีนโยบายปันผลแบบนี้ต่อไป ซึ่งเมื่อนักลงทุนถือหุ้น MC จะมีผลตอบแทนจากเงินปันผล (Div yield) ในระดับ 5- 7% ต่อปี ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 30 มิ.ย. 2566 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132 ล้านบาท จากผลประกอบการที่เพิ่ม 129 ล้านบาท
ข่าวเด่น