เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ฟื้นตัวสลับ แต่ภาพรวมยังไม่ดี"


 

คาด SET ฟื้นตัว จากปัจจัยหนุน ผลประชุมเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในปีหน้า อย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคเป็นลบในภาพรวม หลังดัชนีลงทำจุดต่ำใหม่อีกครั้ง ทำให้การฟื้นตัวยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1370 และ 1380 จุด ตามลำดับ และในภาพรวมยังดูมี downside ได้อยู่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1348 และ 1340 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• Fed มีมติคง ดบ. ที่ระดับ 5.25 – 5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี พร้อมส่งสัญญาณปรับลด ดบ. อย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลด ดบ. เพียง 2 ครั้งในการประชุมเดือน ก.ย.

• ผู้นำที่เข้าร่วมประชุม COP28 กว่า 200 ปท. เห็นพ้องเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานฟอสซิล-ถ่านหิน ไปสู่พลังงานหมุนเวียน นิวเคลียร์ และ CCUS มองการปล่อยมลภาวะจะสูงสุดในปี 2568

• รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมเสนอมาตรการด้านภาษีนาน 10 ปี เพื่อกระตุ้นการผลิตใหญ่ใน 5 ภาคส่วน ซึ่งรวมถึง EV และเซมิคอนดักเตอร์

• ADB เพิ่มคาดการณ์ GDP กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียปีนี้เป็น 4.9% จากเดิม 4.7% ขานรับศก.จีนฟื้นตัว แต่ปีหน้าคง GDP ที่ 4.8%

• ธปท. ประเมินเงินเฟ้อลดลงชั่วคราว คาดกลับเพิ่มขึ้นใน 1Q67 และกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วง 1-3% ได้ในปี 67 คาด ศก. ไทยฟื้นตัวต่อเนื่องแต่มีความเสี่ยงส่งออกอาจฟื้นช้ากว่าคาด ขณะที่คาด นทท. กลับเข้าแนวโน้มปกติในปี 68 จากการฟื้นตัวกลุ่ม non china

• นายกฯ ระบุเตรียมเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนในประเทศจาก 28% เป็น 50% ใน 5 ปี บรรจุใน PDP ประกาศใช้ปีหน้า พร้อมหารือลาวรับซื้อไฟฟ้าทั้งหมดจากเดิมที่ส่งไฟฟ้าผ่านไทยขายให้สิงคโปร์

• กกร. นำคณะนักธุรกิจไทยกว่า 34 คน จากสาขาธุรกิจที่มีศักยภาพ เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ตั้งเป้าหมายขยายมูลค่าการค้าในปี 67 เพิ่มขึ้นอีก 20% YoY

กลยุทธ์การลงทุน

เรามองช่วงสั้นตลาดหุ้นโลกอาจมีความผันผวนเพิ่มขึ้น จากนโยบายการเงินที่ไม่ตึงตัวไปกว่าเดิม (ดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดแล้ว โดยการประชุมนโยบายการเงินของ FED มีมติคงดอกเบี้ย ส่วน BoE และ ECB ตลาดคาดจะมีมติคงดอกเบี้ยเช่นกัน) ซึ่งหักล้างกับตัวเลขเศรษฐกิจที่จะชะลอตัวลง ดังนั้นจึงมอง SET จะอยู่ในบรรยากาศที่เน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว และมีโอกาสได้รับเม็ดเงินลงทุนในกองทุน TESG ที่กำลังจะทยอยเข้ามาในเดือน ธ.ค. นี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : SET อยู่ในบรรยากาศที่เน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว และมีโอกาสได้รับเม็เงินลงทุนในกองทุน TESG ที่กำลังจะทยอยเข้ามาในเดือน ธ.ค. นี้เป็นหลัก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้

1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating “AAA” หรือ “AA” และ (II) ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET YTD เลือก SCGP OR CPALL BEM GULF CRC HMPRO ขณะที่หุ้น ESG Rating “A” ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลงแรงมากในช่วงที่ผ่านมา แนะนำ AOT

2) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งคัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่ได้ ESG Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า SET YTD อีกทั้งผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง และคาดให้ Div. Yield มากกว่า 5% ต่อปี เลือก PTT KTB

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำเริ่มลงทุนแบบ Dollar-Cost-Average (DCA) เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมากและราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Rating ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง

ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัยจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซึ่งคาดจะมีการเสนอ ครม. พิจารณาภายในวันท่ 25 ธ.ค. นี้ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

Special Report : ติดตามอ่าน Yearbook 2024 ซึ่งมาด้วยแนวคิด “A Year of Value Investing” เพื่อสื่อว่าตลาดหุ้นไทยขณะนี้มีหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าอยู่มาก เป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว พร้อม 10 หุ้น Top Picks 2024 ที่คัดสรรมาให้

DAILY TOP PICKS

GPSC เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AA” ช่วงสั้นได้ sentiment หนุนจาก Bond Yield สหรัฐปรับลดลง และราคาก๊าซที่อยู่ในระดับต่ำ โดยอยู่ระหว่างปรับสัญญาขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นอิงกับราคาก๊าซฯ ช่วยลดความผันผวนจากค่า Ft ที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุน

BDMS มองเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AA” ขณะที่ 4Q66 คาดกำไรปกติโต YoY ส่วนทั้งปี 2566 กำไรปกติโต 12%YoY และโต 8%YoY ในปี 2567 จากบริการผู้ป่วยต่างชาติที่เติบโตมากขึ้น รายได้จากศูนย์ความเป็นเลิศที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประโยชน์สินทรัพย์ได้ดีขึ้น
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ธ.ค. 2566 เวลา : 10:43:18
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 3:31 am