ปี 2565 เศรษฐกิจโลกเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดและความไม่แน่นอน เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบางจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จากฐานข้อมูลการลงทุนต่างประเทศและรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย รวม 810 บริษัท พบข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้
· ในภาพรวมปี 2565 บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai (บริษัทจดทะเบียนฯ) เปิดเผยข้อมูลการลงทุนในต่างประเทศ 287 บริษัท จากบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งหมด 810 บริษัท หรือคิดเป็น 35% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งหมด · ปี 2565 บริษัทจดทะเบียนฯ มีการลงทุนทางตรงในต่างประเทศ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศสุทธิรวม 8.6 หมื่นล้านบาท ลดลง 21.6% จากปี 2564
· อาเซียน เป็นภูมิภาคเป้าหมายที่บริษัทจดทะเบียนฯ เข้าไปลงทุนทางตรงมากที่สุด โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทางตรงในปี 2565 เท่ากับ 3.8 หมื่นล้านบาท โดยประเทศเวียดนามยังคงครองอันดับหนึ่งที่สามารถดึงดูดบริษัทจดทะเบียนฯ ไปลงทุนมากที่สุด · บริษัทจดทะเบียนฯ มีรายได้จากต่างประเทศ 6.21 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 32% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนฯ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากบริษัทจดทะเบียนใน SET มูลค่า 6.18 ล้านล้านบาท และรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนใน mai มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท
· บริษัทจดทะเบียนฯ ในกลุ่มทรัพยากร เป็นกลุ่มที่มีรายได้จากต่างประเทศสูงสุดในปี 2565 คิดเป็นมูลค่า 2.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาขายน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และปริมาณขายรวมที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก
ในปี 2565 เศรษฐกิจโลกเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดและความไม่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai มีรายได้รวมสูงถึง 18.55 ล้านล้านบาท
ปี 2565 เศรษฐกิจโลกเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดและความไม่แน่นอน เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบางจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 จากผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai (บริษัทจดทะเบียนฯ) มีรายได้รวมสูงถึง 18.55 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 35.6% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 0.97 ล้านล้านบาท ลดลง 6.7% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนฯ มีต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น อาทิ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ขนส่งและโลจิสติกส์ และ วัสดุก่อสร้าง
จากการเปิดเผยข้อมูลปี 2565 พบว่าบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai มีการลงทุนในต่างประเทศ 287 บริษัท จากบริษัท จดทะเบียนฯทั้งหมด 810 บริษัท โดยบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) รวมสูงถึง 14 ล้านล้านบาท
จากฐานข้อมูลการลงทุนต่างประเทศและรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนฯ รวม 810 บริษัท ที่รวบรวมข้อมูลจากเอกสารหมายเหตุประกอบงบ แบบรายงาน 56-1 หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องของบริษัทจดทะเบียน พบว่า ปี 2565 บริษัทจดทะเบียนฯ มีการลงทุนทางตรงในต่างประเทศ 287 บริษัท คิดเป็น 35% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งหมด
หากพิจารณาจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization: Market Cap) ของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่ไปลงทุนในต่างประเทศ พบว่า ปี 2565 บริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีการลงทุนในต่างประเทศมี Market Cap รวมสูงถึง 14 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 66.5% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของทั้งตลาด
ปี 2565 บริษัทจดทะเบียนฯ มีการลงทุนทางตรงในต่างประเทศ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศสุทธิรวม 8.6 หมื่นล้านบาท ลดลง 21.6% จากปีก่อน
เมื่อพิจารณามูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศ1 ของบริษัทจดทะเบียนฯ พบว่า ปี 2565 บริษัทจดทะเบียนฯมีการลงทุนทางตรงในต่างประเทศ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ2 รวม 8.6 หมื่นล้านบาท ลดลง 21.6% จากปีก่อน โดยประกอบด้วยมูลค่าการลงทุนจากบริษัทจดทะเบียนใน SET มูลค่า 8.58 หมื่นล้านบาท และจากบริษัทจดทะเบียนใน mai 4 ร้อยล้านบาท (ภาพที่ 3)
ในปี 2565 บริษัทจดทะเบียนฯ มีมูลค่าเงินลงทุนทางตรงในกลุ่มประเทศอาเซียนมากที่สุด โดยมีมูลค่าเงินลงทุนสุทธิเท่ากับ 3.8 หมื่นล้านบาท โดยประเทศเวียดนาม เป็นประเทศที่บริษัทจดทะเบียนมีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด คิดเป็น 82% ของมูลค่าการลงทุนทางตรงรวมในกลุ่มประเทศอาเซียน
หากพิจารณาตามภูมิภาค พบว่าบริษัทจดทะเบียนฯ มีการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนมากที่สุด โดยมีมูลค่าการลงทุนทางตรงเท่ากับ 3.8 หมื่นล้านบาท รองลงมาคือทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปเอเชียตะวันออก โดยมีมูลค่าการลงทุนทางตรงเท่ากับ 2.6 และ 0.9 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ โดยประเทศเวียดนาม เป็นประเทศที่บริษัทจดทะเบียนมีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดในปี 2565 คิดเป็น 82% ของมูลค่าการลงทุนทางตรงรวมในกลุ่มประเทศอาเซียน (ภาพที่ 4 และ 5)
ปี 2565 บริษัทจดทะเบียนฯ จำนวน 337 บริษัท มีรายได้จากต่างประเทศ 6.21 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.83 ล้านล้านบาท โดยกลุ่มทรัพยากร มีรายได้เพิ่มขึ้นสูงที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 59% จากปีก่อน ในขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค มีรายได้จากต่างประเทศลดลงจากปีก่อนหน้า 6.6%
จากบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีรายได้จากต่างประเทศ ในปี 2565 จำนวน 337 บริษัท จากบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งหมด 810 บริษัท (ตารางที่ 1) พบว่ามีรายได้จากต่างประเทศรวม 6.21 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.83 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 41.63% (ภาพที่ 6) โดยประกอบด้วยรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนใน SET เท่ากับ 6.18 ล้านล้านบาทและรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนใน mai เท่ากับ 1.9 หมื่นล้านบาท โดยรายได้จากต่างประเทศในปี 2565 ส่วนใหญ่มาจากรายได้ของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ มีสัดส่วนสูงถึง 49% ของรายได้จากต่างประเทศทั้งหมด (ภาพที่ 7)
ตารางที่ 1 : ตารางแสดงจำนวนบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีรายได้จากต่างประเทศ และจำนวนบริษัทจดทะเบียนฯ ทั้งหมด
หากจำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีรายได้จากต่างประเทศ ในปี 2565 เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มทรัพยากรเป็นกลุ่มที่มีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นสูงสุด โดยเพิ่มขึ้น 59.0% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาขายน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และปริมาณขายรวมที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก ในขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวที่มีรายได้จากต่างประเทศลดลง โดยลดลง 6.6% จากปีก่อนหน้า (ภาพที่ 8)
ปี 2565 บริษัทจดทะเบียนไทย มีรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 34% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนฯ เป็นสถิติสูงสุดในรอบ 17 ปี (ปี 2549 - 2565)
ในช่วงปี 2549-2565 หากเปรียบเทียบสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศต่อรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในทุกปี โดยในปี 2565 พบว่ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 34 สูงที่สุดในรอบ 17 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 32 ในขณะเดียวกันบริษัทจดทะเบียนฯ ก็มีรายได้จากในประเทศสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยปี 2565 บริษัท จดทะเบียนฯ ที่มีการเปิดเผยรายได้จากต่างประเทศ มีรายได้ในประเทศเท่ากับ 8.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 35% (ภาพที่ 9)
เมื่อพิจารณารายได้จากต่างประเทศในปี 2565 พบว่า ส่วนใหญ่มาจากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดฯ ก่อนปี 2565 มีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้น 1,723,616 ล้านบาท หรือ 39.5% จากปี 2564
เมื่อพิจารณารายได้จากต่างประเทศของจากบริษัทจดทะเบียนฯ ปี 2565 พบว่ามาจาก 1) รายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนฯ ก่อนปี 2565 และ 2) การเปิดเผยข้อมูลรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่จดทะเบียนเข้าซื้อขายใหม่ใน ปี 2565 และ 3) การเปิดเผยข้อมูลรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดก่อนปี 2565 ที่มีเปิดเผยข้อมูลรายได้จากต่างประเทศในปี 2565 แต่ไม่มีการเปิดเผยในปี 2564 ตามรายละเอียดดังนี้
และจากข้อมูลเพิ่มเติมที่บริษัทจดทะเบียนฯ เปิดเผยในรายงาน 56-1 One Report พบว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้จากต่างประเทศในปี 2565 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนฯ ก่อนปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้น 39.5% โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นตาม ประกอบกับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจ และความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลายลง และมาตรการเปิดประเทศ
ข่าวเด่น