แม้ SET ได้ sentiment บวก จากตลาดหุ้นสหรัฐอย่างไรก็ตาม คาด SET ในระยะสั้น มี upside จำกัด โดยมีกรอบบนที่เป็นแนวต้านอยู่ที่ 1410 และ 1415 จุด ตามลำดับ ด้านกรอบล่าง มีแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1395 และ 1390 จุด ตามลำดับ หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบต่อภาพการชะลอตัว โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1380 จุด
ประเด็นสำคัญ
• GDP 3Q66 (ประมาณการครั้งที่ 3) ของสหรัฐขยายตัว 4.9% ต่ำกว่าคาดที่ 5.1% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 อยู่ที่ 4.9% และ 5.2% ทางด้านจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสู่ 2.05 แสนราย ต่ำกว่าคาดที่ 2.15 แสนราย
• สัญญาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.39% DoD หลัง รมต. พลังงานของแองโกลากล่าวว่าจะถอนตัวจากกลุ่ม OPEC โดยมองว่าการเป็นสมาชิกกลุ่มฯ ไม่เป็นประโยชน์กับแองโกลาที่มีกำลังผลิตน้ำมันราว 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน
• WSJ รายงานว่าสหรัฐกำลังพิจารณาขึ้นภาษีสินค้าจีนบางประเภท เช่น กลุ่ม EV ผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์ และชุดแบตเตอรี่ EV
• Nike ลดคาดการณ์การเติบโตปี 2567 เหลือ 1% เนื่องจากตลาดจีน ยุโรป และตะวันออกกลาง มีผลประกอบการที่ไม่ดีนัก ทำให้ราคาหุ้นลดลงกว่า 10% ในช่วงนอกเวลาซื้อขายปกติ
• กรมทางหลวงเร่งผลักดันการประมูลมอเตอร์เวย์ ส่วนต่อขยายดอนเมืองโทลล์เวย์ รังสิต-บางปะอิน วงเงิน 3.1 หมื่นลบ. เข้า ครม. ภายในปีนี้ คาดเปิดให้บริการปี 2572
• ม. หอการค้าไทยคาดการใช้จ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ จะเพิ่มขึ้น 2.8% YoY สูงสุดในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ตาม คาดการใช้จ่ายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง จากความไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นตลาดหุ้นโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้บ้าง จากมุมมอง Fed ที่ Dovish มากขึ้น (ดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด และ Dot Plot บ่งชี้ดอกเบี้ยจะลดลง 75 bps มากกว่ารอบก่อนที่ 50 bps ขณะที่ประเมินเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโต 1.4% ในปี 2567) และอาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนกลุ่มไปยังกลุ่มที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่า ซึ่งอาจจะส่งผลบวกมายังตลาดหุ้นไทย อีกทั้งตลาดหุ้นไทยมีโอกาสได้รับเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน TESG และ RMF ที่กำลังจะทยอยเข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : SET อยู่ในบรรยากาศที่เน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว และมีโอกาสได้รับเม็ดเงินลงทุนในกองทุน TESG ที่กำลังจะทยอยเข้ามาในเดือน ธ.ค. นี้เป็นหลัก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating ตั้งแต่ “A”-“AAA” และราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET YTD เลือก OR HMPRO AOT หรือ (II) ได้ ESG Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า SET YTD อีกทั้งผลดำเนินงานแข็งแกร่ง และคาดให้ Div. Yield สูงกว่าปีละ 5% เลือก PTT KTB
2) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนแบบ Dollar-Cost-Average (DCA) หลัง SET ปรับลงจนความเสี่ยงลดลงไปมากและราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Rating ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง
3) 10 Top Picks in Yearbook 2024 ซึ่งเน้นหุ้นที่คาดเติบโตได้ดี อีกทั้งหวังได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนใหม่ ได้แก่ AMATA BBL BEM BDMS CPALL CRC GULF OR SCC SCGP
ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัยจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซึ่งคาดจะมีการเสนอ ครม. พิจารณาภายในวันท่ 25 ธ.ค. นี้ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
Special Report : 1) Yearbook 2024 ซึ่งมาด้วยแนวคิด “A Year of Value Investing” เพื่อสื่อว่าตลาดหุ้นไทยขณะนี้มีหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าอยู่มาก เป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว พร้อม 10 หุ้น Top Picks 2024 ที่คัดสรรมาให้
2) หุ้นน่าสนใจช่วงผลตอบแทนพันธบัตรลดลง กลุ่ม Long Duration - พาณิชย์ (ต้นทุนทางการเงินลดลง) การแพทย์ (WACC ต่ำลง) และสาธารณูปโภค (ต้นทุนการเงินและ WACC ต่ำลง) และกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของผลตอบแทนพันธบัตร ได้แก่ REIT (ผลตอบแทนปันผลน่าสนใจขึ้น) อสังหาริมทรัพย์ (ต้นทุนทางการเงินลดลง) และ Consumer finance (ต้นทุนทางการเงินลดลง)
DAILY TOP PICKS
CRC มองเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AAA” คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และ 4Q66 คาดเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปีนี้ โดยกำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY อีกทั้งจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์รายหลักของกลุ่มฯ จากโครงการ E-receipt ไม่เกิน 5 หมื่นบาท ในช่วง1 ม.ค. -15 ก.พ. 2567
BCP มองเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AAA” ขณะที่ 4Q66 คาดกำไรจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น QoQ แรงหนุนจากการรวมผลการดำเนินงานของ BSRC เข้ามาเต็มไตรมาส และปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นที่สูงขึ้นหลังจากหยุดซ่อมบำรุงตามแผนใน 3Q66
ข่าวเด่น