เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ชะลอตัวลดความร้อนแรง"


SET เริ่มชะลอตัว ซึ่งคาดวันนี้ มีแนวโน้มชะลอตัวได้ต่อ เพื่อลดความร้อนแรง จากภาวะ overbought ของสัญญาณเทคนิค ด้านแนวรับอยู่ที่ 1405 และ 1398 จุด ตามลำดับ ส่วนการฟื้นตัวถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน  1415 และ 1420 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• ททท. ตั้งเป้าปีหน้าจำนวน นทท. ต่างชาติ 35 ล้านคน รายได้ 3.5 ล้านลบ. มีแผนกระตุ้นการใช้จ่าย นทท. โดยเพิ่มระยะเวลาพำนักตลาดยุโรปจาก 30 เป็น 60 วัน คาดเสนอ ครม. พิจารณาเร็วๆ นี้

• ทริสเรทติ้งคาด GDP ไทยปีหน้าโต 3.4%YoY และ 3.9%YoY ในกรณีไม่รวมและรวมกระเป๋าเงินดิจิทัล หนุนจาก นทท. ต่างชาติ การบริโภคภาคเอกชน การส่งออก มาตรการลดค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนทั้งภาครัฐ-เอกชนที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้น

• ก.ล.ต. เตรียมออกเกณฑ์ห้ามซื้อขายหุ้นชั่วคราว Auto Halt ทันที หากพบหุ้นร้อนแรงซื้อขายผิดปกติ คาดเริ่มใช้ปีหน้า พร้อมควบคุมหุ้นปั่น ศึกษาระบบ Auction แข่งเสนอราคาใช้แทนระบบ matching

• ตลท. เปิดเฮียริ่งปรับปรุงเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินสด เตรียมยกเลิกแนวทางปฏิบัติการกำหนด ระยะเวลาชำระราคาค่าซื้อและค่าขาย และการส่งมอบหลักทรัพย์ระหว่างโบรกเกอร์กับลูกค้า ด้าน ก.ล.ต. เปิดเฮียริ่งปรับปรุงเกณฑ์กำกับตั๋วเงินที่เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ถึง 9 ม.ค. 67

• โรเบิร์ต แคปแลน อดีตประธาน Fed สาขาดัลลัส  คาด Fed จะเริ่มปรับลด ดบ. ในไม่ช้า เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้ ศก. สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย และเลี่ยงการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป

• ศาลอุทธรณ์สหรัฐสั่งคุ้มครองชั่วคราวการนำเข้า Apple Watch ทำให้ Apple Inc. ยังคงจำหน่าย Apple Watch ซีรีส์ 9 และ Apple Watch Ultra 2 ได้ต่อไปในช่วงปลายปีที่เป็นช่วงทำยอดขายได้มาก

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองการปรับขึ้นตลาดหุ้นโลกจะเริ่มชะลอตัวลง หลังตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ส่วนของตลาดหุ้นไทยคาดมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากการทำ Window dressing, การมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุน TESG และ RMF ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 และหาก SET ยืนเหนือ 1,400 อาจเห็นการทำ Short Covering ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมอง SET มีปัจจัยหนุนจากการทำ Window dressing, เม็ดเงินลงทุนจากกองทุน TESG และ RMF ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 และหาก SET ยืนเหนือ 1,400 อาจเห็นการทำ Short Covering กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่ที่มีโอกาสได้รับผลบวก ดังนี้

1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating ตั้งแต่ “A”-“AAA” และราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET YTD เลือก OR AOT หรือ (II) ได้ ESG Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า SET YTD อีกทั้งผลดำเนินงานแข็งแก0ร่ง และคาดให้ Div. Yield สูงกว่าปีละ 5% เลือก PTT KTB

2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลงได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (BJC CPALL CPAXT), การแพทย์ (BDMS BCH), โรงไฟฟ้า (GULF), REIT (DIF), อสังหาฯ (AP) และ Consumer Finance (TIDLOR)

3) หุ้นที่อาจได้แรงหนุนจากการทำ Short Covering มากกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายตั้งแต่เดือน ก.ย. เป็นต้นมา และเราแนะนำ ซื้อ ได้แก่ ADVANC MINT

4) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ E-Receipt ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 5 หมื่นบาท เริ่มในวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2567 ได้แก่ CRC HMPRO

ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบลบอย่างมีนัยจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 2567 ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

Special Report : Yearbook 2024 ซึ่งมาด้วยแนวคิด “A Year of Value Investing” เพื่อสื่อว่าตลาดหุ้นไทยขณะนี้มีหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าอยู่มาก เป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว พร้อม 10 หุ้น Top Picks 2024 ที่คัดสรรมาให้ (ติดตามอ่านรายละเอียดในบทวิเคราะห์ซึ่งออกเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 66)

DAILY TOP PICKS

BBL เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AA” ขณะที่คาดผลประกอบการจะแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 4Q66 และปี 2567 หนุนจาก credit cost ที่ลดลง NIM ที่ขยายตัวดี และการเติบโตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังคาดได้รับประโยชน์มากสุดจากการย้ายฐานธุรกิจมายังอาเซียน

ERW เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “A” คาดกำไรปกติ 4Q66 เป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี โต YoY และ QoQ หนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งขึ้นและ ARR ที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลยุทธ์การเติบโตระยะยาวจะมุ่งเน้นกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ท HOP INN แต่จะขยายไปในต่างประเทศมากขึ้น
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 ธ.ค. 2566 เวลา : 10:55:06
27-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 27, 2024, 1:38 am