.jpg)
SET ขึ้นมาเคลื่อนไหวใกล้บริเวณแนวต้าน 1400 จุด ขณะที่สัญญาณเทคนิคระยะสั้นเข้าสู่ภาวะ Overbought รวมถึงเทศกาลคริสมาสต์ ซึ่งตลาดส่วนใหญ่ปิดทำการ ทำให้คาดมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ส่งผลให้ในระยะสั้น ดัชนีจะมีกรอบบนจำกัดบริเวณ 1400 จุด และชะลอตัวลดความร้อนแรงก่อน ด้านแนวรับอยู่ที่ 1385 และ 1375 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• AIMC มีมติให้กองทุนรวม ThaiESG และกองทุนรวมธรรมาภิบาล (Thai CG Fund) ลงทุนหุ้น CPAXT อย่างระมัดระวัง จนกว่า ก.ล.ต. จะมีความชัดเจนจากข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุน The Happitat
• ครม. มีมติเห็นชอบกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2568 ที่ระดับ 1-3% ซึ่งเป็นระดับเดิม พร้อมให้กระทรวงการคลัง และ ธปท. ร่วมมือประคับประคองเศรษฐกิจ เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อมุ่งสู่ค่ากลางที่ระดับ 2%
• ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้น ศก. ทั้งแจกเงินหมื่นเฟสสองแก่ผู้สูงอายุภายใน ม.ค. 68 และมาตรการ Easy e-Receipt 2.0 ในช่วงวันที่ 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 (ไม่รวมค่าบริการที่พักในโรงแรม) มองจะช่วยหนุนการบริโภคและการท่องเที่ยวต่อเนื่องถึง 1Q68
• ครม. รับทราบการตอบรับคำเชิญเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไทยในด้านการค้าและการลงทุน การเงิน ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน
• ครม. เห็นชอบกรอบการคลังระยะปานกลาง ทยอยลดสัดส่วนการขาดดุลงบฯ ต่อ GDP จาก 4.3% เหลือ 3.1% และรับคำสั่งนายกฯ เพิ่มประสิทธิภาพเก็บภาษี, ลดรายจ่ายและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ
• ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป พ.ย. ที่ 89,646 คัน ลดลง 10%YoY ทำให้ยอดส่งออก 11M67 เป็น 942,867 คัน ลดลง 8.2%YoY ส่วนยอดขายรถในประเทศ พ.ย. ที่ 42,309 คัน ลดลง 31.3%YoY ส่งผลให้ 11M67 เป็น 518,659 คัน ลดลง 26.7%YoY
• Reuters รายงานทางการจีนอนุมัติการออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3 ล้านล้านหยวนในปี 2568 เพื่อนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภค และลงทุนส่งเสริมอุตสาหกรรมล้ำสมัย
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1360 จุด ทั้งนี้มอง SET หลุด 1400 จุดแย่กว่าตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากความกังวลเรื่อง ESG ของหุ้นขนาดใหญ่ และ Fund Flow ยังมีทิศทางไหลออกหลังเฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยช้าลง ทำให้ช่วงสั้นSET ลุ้นปรับขึ้นได้เพียงแค่ปัจจัยกระตุ้นจากความคาดหวังเม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้าจากการเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการซื้อกองทุนประหยัดภาษีที่มักจะเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายปีและการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพิ่มเติม อาทิ แจกเงินหมื่นเฟส 2, การนำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังคงต้องติดตามนโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมทั้งดัชนี PMI ภาคการผลิต ธ.ค. จีนและสหรัฐฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดย Upside ขึ้นกับปัจจัยกระตุ้นจากความคาดหวังเม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้าจากการเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการซื้อกองทุนประหยัดภาษี และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพิ่มเติม กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 3 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากรัฐออกมาตรการเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งในอดีตราคาหุ้นมักปรับตัวได้ดีอย่างน้อย 3 ใน 5 ปี แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO)
2. หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP
3. Trading Idea : 1) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี ได้แก่ BBL GPSC AWC BEM CBG 2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดจะเป็นเป้าหมายของการทำ Window Dressing ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยมีสถิติในอดีตมักมีการปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงปลายปีอย่างน้อย 3 ใน 5 ปี แนะนำ BCP GPSC BDMS OSP และ 3) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แนะนำ IVL PTTGC
DAILY TOP PICKS
GPSC: มองราคาหุ้นปรับลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมารับรู้ประเด็นลบไปมากแล้ว ขณะที่เห็นปัจจัยหนุน ได้แก่ 1) การเพิ่มกำลังการผลิต โดยเฉพาะ AVAADA 2) ผลบวกจากการได้รับการคัดเลือกจาก ERC ในโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก 3) ไม่มีผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล และ 4) ผลกระทบจำกัดจากความล่าช้าของโครงการ CFP
BDMS: ช่วงสั้นมองมีโอกาสเป็นหุ้นที่เป็นเป้าหมายทำ Window Dressing ในช่วงสิ้นปีนี้ หลังราคาหุ้นปรับลง 11.4%YTD และ 18.7%QTD ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโตต่อเนื่อง YoY และทรงตัว QoQ จากความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น หนุนให้ปี 2567 กำไรปกติเติบโต 12.6%YoY สู่ระดับ 1.6 หมื่นลบ.
ข่าวเด่น