(+) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% หลังจีนได้เตรียมมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดฉีดเม็ดเงินมูลค่าราว 3 พันล้านหยวน หรือคิดเป็น 411 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนคาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนปรับตัวดีขึ้น และส่งผลให้ตลาดน้ำมันดิบฟื้นตัวได้มากขึ้น
(+) ล่าสุด EIA คาดสมดุลน้ำมันในปี 68 จะขาดดุลมากขึ้น จากการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันดิบ แม้ OPEC+ อาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบตามแผนก็ตาม
(+) หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ธ.ค. 67 ปรับลด 3.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.9 ล้านบาร์เรล
(-) ตลาดยังคงจับตาท่าทีของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่นายโดนัลด์ ทรัมป์ที่มีนโยบายเพิ่มกำแพงภาษีการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 68 ฟื้นตัวช้าลง ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. 67 ปรับลดลง
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นขนาดใหญ่ของไนจีเรียที่มีกำลังการผลิตปัจจุบันเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 85% และคาดว่าจะสามารถขายน้ำมันตามมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงยูโร 5 ภายในเดือน ม.ค. 68 อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียคาดว่าจะนำเข้าน้ำมันเบนซินมากขึ้นจากจากช่วงวันหยุดยาวสิ้นปี 67 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นเกาหลีใต้คาดว่าจะกลับมาดำเนินการผลิตภายในวันที่ 27 ธ.ค. 67 หลังมีการปิดปรับปรุงจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียคาดว่าจะนำเข้าน้ำมันดีเซลเดือน ต.ค. 67 เพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือน ก.ย. 67
.jpg)
ข่าวเด่น