ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มพักตัว สร้างความเสี่ยงต่อ SET ให้มีโอกาสพักตัวเช่นกัน โดยแนวโน้มราคาอาจเป็นการพักตัวในลักษณะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยมีกรอบบนที่แนวต้าน 1435-1440 จุด ซึ่งมองยังถูกจำกัด ส่วนกรอบล่างอยู่ที่ 1420 จุด หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบต่อการเปิด downside มากขึ้น โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1415 จุด
ประเด็นสำคัญ
• รายงานการประชุม Fed 12-13 ธ.ค. 66 คกก. FOMC คาดลด ดบ. ในปี 2567 แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับทิศทาง ดบ. ของ Fed ขณะที่ Bond Yield 10 ปีรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุ 4% หลังนายโทมัส บาร์กิน ปธ. Fed สาขาริชมอนด์ ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้น ดบ.
• สัญญาน้ำมัน Brent ปรับขึ้น 3.1%DoD หลังลิเบียปิดบ่อน้ำมันชาราราจากปัญหาประท้วงของคนงาน อีกทั้งกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและทะเลแดงจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
• ธปท. ประกาศหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อรายย่อย-สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน โดยประกาศห้าม ธ.พ.-Non Bank-ผู้ให้บริการคิด ดบ.-ค่าปรับ-ค่าบริการอื่น กรณีปิดหนี้ก่อนกำหนด เปิดทางเลือกให้ลูกหนี้ปิดหนี้เร็วขึ้น ส่งเสริมการแข่งขันผู้ประกอบการมากขึ้น
• ธสน. คาดดัชนีชี้นำการส่งออกของไทยปี 2567 ฟื้นตัว คาดการส่งออกจะขยายตัว 4% ส่วนการค้าโลกคาดเติบโตจาก 0.8% เป็น 3.3% ในปี 2567 หลังสหรัฐชะลอขึ้น ดบ.
• ก. พลังงานระบุปรับโครงสร้างพลังงานให้เอกชนใช้ก๊าซธรรมชาติอ่าวไทยตามราคาเฉลี่ย ทำค่าไฟฟ้าลดลง 11.5 สต. แบบถาวร
• นายกฯ แถลงร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านลบ. ต่อสภา ยืนยันรัฐบาลดำเนินการตามกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ ใช้จ่ายเงินภาษีของ ปชช. อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นหรือ sideways-up แต่ยังมี upside ที่จำกัดและมีมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและรอปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นแต่ยังมี upside ที่จำกัดและมีมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและรอปัจจัยชี้นำใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีโอกาสได้รับผลบวก ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating ตั้งแต่ “A”-“AAA” และราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET ในปีที่ผ่านมา เลือก OR AOT หรือ (II) ได้ ESG Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า SET ในปีที่ผ่านมา อีกทั้งผลดำเนินงานแข็งแกร่ง และคาดให้ Div. Yield สูงกว่าปีละ 5% เลือก PTT KTB
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลงได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (BJC CPALL CPAXT), การแพทย์ (BDMS BCH), โรงไฟฟ้า (GULF), REIT (DIF), อสังหาฯ (AP) และ Consumer Finance (TIDLOR)
3) หุ้นที่อาจได้แรงหนุนจากการทำ Short Covering มากกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายตั้งแต่เดือน ก.ย. 2566 และเราแนะนำ ซื้อ ได้แก่ ADVANC MINT
4) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 5 หมื่นบาท เริ่มในวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2567 ได้แก่ CRC HMPRO
ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบลบอย่างมีนัยจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซึ่งคาดจะมีการเสนอ ครม. พิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF GFPT TU) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
DAILY TOP PICKS
ADVANC เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AAA” แม้ 4Q66 คาดกำไรปกติลดลง QoQ จากไฮซีซั่นของค่าใช้จ่ายการตลาด แต่เมื่อเทียบ YoY กำไรปกติน่าจะปรับขึ้นต่อจากรายได้ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น อีกทั้งมองดีล 3BB-JASIF จะสร้างประโยชน์ในระยะยาว
PTTEP ช่วงสั้นคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังมีข่าวลิเบียปิดบ่อน้ำมันและสถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียดขึ้น ขณะที่ผู้บริหารคาดปริมาณขายใน 4Q66 เพิ่มขึ้น 2-3%QoQ และคาดเพิ่มอีก 10%YoY ในปี 2567 ทั้งยังเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AAA”
ข่าวเด่น