SET ฟื้นตัวจากกรอบล่างแนวรับบริเวณ 1420 จุด ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นแนวรับได้ อย่างไรก็ตาม ดัชนีที่ยังไม่พักตัว หลังปรับขึ้นมาต่อเนื่อง ทำให้มองกรอบบนมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1440 จุด ส่งผลให้คาด SET จะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1420-1440 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามตัวเลขจ้างงานสหรัฐในคืนนี้
ประเด็นสำคัญ
• การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.64 แสนตำแหน่ง สูงกว่าคาดและสูงสุดนับตั้งแต่ ส.ค. ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วลดลงสู่ 2.02 แสนราย ต่ำกว่าคาด
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางที่คาดว่าลดลงเพียง 3.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 10.9 ล้านบาร์เรล ที่ระดับ 237 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบกว่า 30 ปี สวนทางที่คาดจะลดลง
• กรมการบินพลเรือนของจีนคาดจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้าออกประเทศจีนจะมากกว่า 6,000 เที่ยวต่อสัปดาห์ภายในสิ้นปี 2567 หรือราว 80% ของระดับก่อนโควิด จากระดับปัจจุบันที่ราว 4,600 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
• สภาพัฒน์ฯ กังวลปัจจัยเสี่ยง ศก. โลกปี 2567 หลัง ศก. จีนยังไม่ฟื้น ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น แนะนำไทยควรทำตลาดใหม่ เพื่อดึงการท่องเที่ยว-การค้า มอง ศก. ใน ปท. ยังขยายตัวได้จากการใช้จ่ายภาครัฐฟื้นตัว-การบริโภคยังโตต่อเนื่อง
• นายกฯ ไทยและกัมพูชาเตรียมหารือทวิภาคี 7 ก.พ. นี้ เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล 1.6 หมื่นตร.กม. ด้าน ก. พลังงานเตรียมเสนอข้อมูลทรัพยากรปิโตรเลียมมูลค่ากว่า 10 ล้านลบ. หาข้อสรุปรูปแบบองค์กรพัฒนาร่วม JDA การแบ่งปันผลประโยชน์ใต้เส้นละติจูด 11 องศาเหนือ
• AOT ระบุเตรียมความพร้อมรองรับ นทท. จีน-ไทย หลังมาตรการ VISA Free คาด นทท. จีนเดินทางเข้าไทย 8 ล้านคน ฟื้นตัว 75%
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นหรือ sideways-up แต่ยังมี upside ที่จำกัดและมีมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและรอปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นแต่ยังมี upside ที่จำกัดและมีมูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองและรอปัจจัยชี้นำใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีโอกาสได้รับผลบวก ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. (SET50) ที่คาดเป็นเป้าหมายการลงทุนจากแผนจัดตั้งกองทุน TESG ซึ่งเราได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ ดังนี้ (I) ได้ ESG Rating ตั้งแต่ “A”-“AAA” และราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่า SET ในปีที่ผ่านมา เลือก OR AOT หรือ (II) ได้ ESG Rating “AAA” และราคาหุ้นปรับขึ้นดีกว่า SET ในปีที่ผ่านมา อีกทั้งผลดำเนินงานแข็งแกร่ง และคาดให้ Div. Yield สูงกว่าปีละ 5% เลือก PTT KTB
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรปรับลดลงได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (BJC CPALL CPAXT), การแพทย์ (BDMS BCH), โรงไฟฟ้า (GULF), REIT (DIF), อสังหาฯ (AP) และ Consumer Finance (TIDLOR)
3) หุ้นที่อาจได้แรงหนุนจากการทำ Short Covering มากกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายตั้งแต่เดือน ก.ย. 2566 และเราแนะนำ ซื้อ ได้แก่ ADVANC MINT
4) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 5 หมื่นบาท เริ่มในวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2567 ได้แก่ CRC HMPRO
ช่วงสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบลบอย่างมีนัยจากแผนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำซึ่งคาดจะมีการเสนอ ครม. พิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ (KEX) กลุ่มอาหาร (CPF GFPT TU) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
DAILY TOP PICKS
CPALL คาดกำไร 4Q66 เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ เติบโตดีสุดในกลุ่มฯ จากยอดขายที่ดีขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จสิ้นเมื่อ เม.ย. 66 อีกทั้งยังเป็นหุ้น laggard ของกลุ่มฯ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และเป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AAA”
ERW เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “A” คาดกำไรปกติ 4Q66 เป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี โต YoY และ QoQ หนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งขึ้นและ ARR ที่เพิ่มขึ้น ส่วนกลยุทธ์การเติบโตระยะยาวจะมุ่งเน้นกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ท HOP INN แต่จะขยายไปในต่างประเทศมากขึ้น
ข่าวเด่น