SET กลับมาฟื้นตัว และสร้างสัญญาณเทคนิคที่เป็นบวก รวมถึงทิศทาง fund flow ที่ไหลเข้า ทำให้คาดว่าดัชนียังฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1390 และ 1396 จุด ตามลำดับ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับบริเวณ 1380 และ 1370 จุด ตามลำดับ หากไม่ต่ำกว่า ยังเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพการฟื้นตัวได้อยู่
ประเด็นสำคัญ
• กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนประกาศเตรียมตอบโต้การโจมตีทางอากาศของสหรัฐ-อังกฤษเมื่อคืนวันที่ 3 ก.พ. ใน 6 จังหวัดตอนเหนือของเยเมนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฮูตี รวมถึงกรุงซานาด้วย
• สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ม.ค. เพิ่มขึ้น 3.53 แสนตำแหน่ง สูงกว่าคาด อัตราว่างงานทรงตัวที่ 3.7% ต่ำกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดกังวล Fed ตรึง ดบ. ที่ระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด
• USDA ระบุยอดส่งออกถั่วเหลืองสัปดาห์สิ้นสุด 25 ม.ค. อยู่ที่ 1.66 แสนตัน ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2566
• IMF เตือนสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะการที่กลุ่มติดอาวุธโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง จะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งขึ้น และสร้างความเสียหายต่อ ศก. และการค้าโลก
• ททท. คาดช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ นทท. จีนจะสร้างรายได้ท่องเที่ยวเข้าไทยราว 6.21 พันลบ. เพิ่มขึ้นกว่า 366%YoY จากจำนวน นทท. จีนที่คาดจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวราว 1.77 แสนคน
• สมาคมค้าปลีกไทยระบุภาพรวม ศก. ไทยครึ่งปีแรกสถานการณ์ยังนิ่งและเผชิญความท้าทาย 3 สูง ที่ต่อเนื่องมาหลายปี คือ ดบ. สูง- ต้นทุนเชื้อเพลิงสูง-หนี้ครัวเรือนสูง ซึ่งมีผลต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกที่ยังเติบโตได้ไม่มากนัก
• สมาคมธุรกิจเช่าซื้อฯ ระบุยอดยึดรถ จยย. เข้าลานประมูลเพิ่ม 7 พันคนต่อรอบ NPL โตระดับสองหลัก เหตุจาก ศก. ชะลอตัวทำให้กลุ่มรากหญ้าถูกกระทบทั้งรายได้และความสามารถชำระหนี้ลดลง โดยคาดสถานการณ์น่าจะดีขึ้นหากรัฐกระตุ้นกำลังซื้อ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังคาดเงินเฟ้อไทยและจีน ม.ค. มีแนวโน้มหดตัว, กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 7 ก.พ. อีกทั้งดัชนี PMI ภาคบริการ ม.ค. ของสหรัฐ จีนและอียู จะชะลอตัวลง นอกจากนั้นผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยอาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงคงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO
2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 67 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB
3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง
ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL CRC ZEN AU CPF BTG ONEE AWC SIRI ส่วนระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตร ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
DAILY TOP PICKS
TOP 4Q66 คาดกำไรสุทธิ 2.7 พันลบ. ดีขึ้นมาก YoY หนุนปี 2566 กำไรสุทธิจะดีกว่าตลาดและเราคาด แนวโน้มกำไรปี 2567 ยังแข็งแกร่ง หนุนจาก market GRM และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PX ที่ดี อีกทั้ง Valuation ปัจจุบัน PBV ปี 67 ที่ 0.6x (-1.6SD ค่าเฉลี่ย 5 ปี) คาด Div. Yield ราว 6%
BDMS มองราคาหุ้นจะ outperform ต่อเนื่อง หนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ประเมินกำไรปกติ 4Q66 ที่ 3.6 พันลบ. (เพิ่มขึ้น 16%YoY แต่ลดลง 7%QoQ) คาดกำไรปกติปี 2567 โต 8%YoY อีกทั้ง Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำ PER ปี 2567 ที่ 29 เท่า ต่ำกว่า -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต
ข่าวเด่น