เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "หากต่ำกว่า 1377 จุด เป็นลบ"


SET เริ่มชะลอตัว ขณะที่เฟดยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า บาทอ่อน และ fund flow เริ่มกลับมาไหลออก เป็นปัจจัยกดดันดัชนี โดยมีจุดติดตามบริเวณแนวรับ 1377 จุด หากต่ำกว่า จะกลับมาเป็นสัญญาณลบ ส่วนกรณียังยืนแนวรับดังกล่าวได้ ดัชนีจะซิกแซกขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1390 และ 1396 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• เจอโรม พาวเวล ปธ. Fed ย้ำว่า Fed จะดำเนินการอย่างระมัดระวังในการลด ดบ. ในปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะปรับลด ดบ. ล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยจำเป็นต้องรอดูข้อมูล ศก. เพื่อยืนยันว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะลดลงสู่เป้าหมายของ Fed ที่ระดับ 2%

• ISM รายงานดัชนี PMI ภาคบริการ ม.ค. ของสหรัฐ ขยายตัวสูงกว่าคาด และขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 ทำให้ตลาดกังวลอาจส่งผลให้ Fed ตรึง ดบ. ในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด

• ทางการจีนควบคุมการซื้อขาย นลท. ในประเทศและต่างประเทศอย่างเข้มงวดเนื่องจากความปั่นป่วนของหุ้นรุนแรงขึ้น

• พาณิชย์รายงานเงินเฟ้อทั่วไป ม.ค. ติดลบ 1.11%YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ต่ำสุดรอบ 35 เดือน คาด ก.พ.-เม.ย. เงินเฟ้อลดลงต่อจากมาตรการลดค่าครองชีพ คาดปี 2567 ติดลบ 0.3% ถึง 1.7%

• วันนี้ติดตาม รมช. คลัง แถลงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

• สมาคมโรงแรม และ ATTA ระบุมาตรการยกเว้นวีซ่าของรัฐบาลช่วยท่องเที่ยวฟื้นได้ในปีนี้ คาดอัตราการเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ 70% โดยเฉพาะช่วงตรุษจีนเพิ่มขึ้น 80% ขณะที่การเที่ยวผ่านกรุ๊ปทัวร์และธุรกิจ MICE ฟื้นตัวดีขึ้น

• AOT เตรียมงบลบทุนกว่า 1 หมื่นลบ. พัฒนา 3 ท่าอากาศยานภูมิภาค อุดรธานี บุรีรัมย์ และกระบี่ เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสาร คาด กพท. ออกใบรับรองอากาศยานสาธารณะในเร็วๆ นี้ คาดเข้าบริหารอย่างเป็นทางการช่วง 3Q67

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังคาดเงินเฟ้อไทยและจีน ม.ค. มีแนวโน้มหดตัว, กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 7 ก.พ. อีกทั้งดัชนี PMI ภาคบริการ ม.ค. ของสหรัฐ จีนและอียู จะชะลอตัวลง นอกจากนั้นผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยอาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงคงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO

2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 67 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL CRC ZEN AU CPF BTG ONEE AWC SIRI ส่วนระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตร ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

DAILY TOP PICKS

KCE มองน่าสนใจสุดในกลุ่มอิเล็กฯ คาด 4Q66 เห็นสัญญาณฟื้นตัวมากขึ้น ส่วนปี 2567 คาดกำไรสุทธิโต 48%YoY จากการเติบโตของ EV ที่เป็นกระแสของโลกในอนาคตและบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ขณะที่ Valuation ไม่แพง ซื้อขายบน PER 67F ที่ 24.0x ต่ำกว่า PER 5 ปีย้อนหลังที่ 32.9x  

ADVANC 4Q66 คาดกำไรปกติที่ 7.4 พันลบ. แม้จะลดลง 1.9%QoQ จากผลกระทบของดีลคลื่น 700MHz และดีล 3BB รวมทั้งไฮซีซั่นของ คชจ. การตลาด แต่จะเติบโต 9.6%YoY จากการฟื้นตัวของรายได้ การแข่งขันที่น้อยลงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB และการควบคุมต้นทุน
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ก.พ. 2567 เวลา : 14:13:36
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 6:25 pm