เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แกว่งในกรอบ รอประชุมกนง."


SET ปรับขึ้นโดดเด่น ขณะที่สัญญาณเทคนิคระยะสั้นเข้าสู่ภาวะ overbought และคาดนักลงทุนในตลาด รอติดตามประเด็นสำคัญ สำหรับการประชุมกนง. ในช่วงบ่าย ทำให้คาด SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยมีกรอบบนที่แนวต้าน 1405-1410 จุด และกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1387 จุด ใช้เป็นจุดติดตาม หากต่ำกว่า เริ่มเป็นสัญญาณลบ

ประเด็นสำคัญ

• Deutsche Bank ปรับเปลี่ยนคาดการณ์ ศก. สหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อที่ลดลง และตลาดแรงงานกลับสู่ภาวะสมดุลที่ดีขึ้น อัตราว่างงานไม่ได้เพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ

• รมว. คลังสหรัฐ ระบุมีความกังวลภาพอสังหาฯ เพื่อการลงทุน แต่ยังประเมินว่าสภาพคล่องและความแข็งแรงของธนาคารยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

• วันนี้ประชุม กนง. ครั้งแรกของปี ตลาดคาดคง ดบ. นโยบายที่ 2.5% โดยต้องจับตาการส่งสัญญาณทิศทาง ดบ. ปีนี้

• บอร์ด BOI อนุมัติส่งเสริมลงทุนขนาดใหญ่ 4 โครงการ มูลค่ากว่า 2.9 หมื่นลบ. ประกอบด้วย โครงการ Data Center ขนาดใหญ่ 2 รายจากออสเตรเลีย และอินเดีย, โครงการผลิตลวดเหล็กที่ใช้กับยางล้อรถยนต์ และโครงการผลิตไอน้ำโดยใช้เชื้อเพลิงจากขยะ

• สรท. ระบุการส่งออก ธ.ค. 66 มีมูลค่า 2.28 หมื่นล้านเหรียญ  ขยายตัว 4.7%YoY การนำเข้ามีมูลค่า 2.18 หมื่นล้านเหรียญ หดตัว 3.1%YoY ส่งผลให้เกินดุลการค้า 972.8 ล้านเหรียญ

• FETCO ระบุดัชนีความเชื่อมั่น นลท. อีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 77.55 ปรับลดลง 43.4%MoM มาอยู่ในเกณฑ์ซบเซา ปัจจัยฉุดความเชื่อมั่น ได้แก่ การตรึง ดบ. ของ Fed สถานการณ์เงินเฟ้อ และการถดถอยของ ศก. ในประเทศ

• ก.ล.ต. เตรียมออกเกณฑ์การดูแลการซื้อขาย หรือการปรับปรุงเกณฑ์เดิมให้เข้มงวดขึ้น โดยจะเริ่มทยอยบังคับใช้ตั้งแต่ มี.ค.นี้ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดหุ้น

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังคาดเงินเฟ้อไทยและจีน ม.ค. มีแนวโน้มหดตัว, กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 7 ก.พ. อีกทั้งดัชนี PMI ภาคบริการ ม.ค. ของสหรัฐ จีนและอียู จะชะลอตัวลง นอกจากนั้นผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยอาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงคงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO

2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 67 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL ZEN AU CPF BTG ONEE AWC SIRI ส่วนระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตร ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

DAILY TOP PICKS

GULF 4Q66 คาดกำไรโตต่อเนื่องจากโรงไฟฟ้า IPP (GPD) อีก 1 หน่วยเริ่มดำเนินการเมื่อ ต.ค. และกำไรจาก Jackson Generation เพิ่มขึ้น คาดปี 2566 กำไรปกติโต 32%YoY และโตต่ออีก 28%YoY ในปี 2567 มองราคาหุ้นยัง Laggard โดย PER และ PBV ปี 2567 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

CRC มองราคาหุ้นที่ปรับลง 20%YTD สะท้อนความกังวลผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาดไปมากแล้ว โดย 4Q66 เป็นไตรมาสที่กำไรดีสุดของปี (+QoQ, -YoY) อีกทั้งจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์รายหลักของกลุ่มฯ จากโครงการ E-receipt ไม่เกิน 5 หมื่นบ. ช่วง 1 ม.ค. -15 ก.พ. 67
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 ก.พ. 2567 เวลา : 11:02:04
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 6:45 pm