เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "แกว่งในกรอบ รอเงินเฟ้อสหรัฐ"


คาด SET แกว่งในกรอบระหว่าง 1385-1394 จุดโดยนักลงทุนในตลาด รอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟด ทั้งนี้ ด้านแนวโน้มราคา หากมีการ breakout จากกรอบ จะมีความผันผวนขึ้น โดยแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1380 จุด ส่วนแนวต้านถัดไปอยู่ 1400 จุด ซึ่งหากขึ้นทะลุผ่านได้ จะกลับมาเป็นสัญญาณที่ดี

ประเด็นสำคัญ

• ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้ เพื่อใช้กำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ที่วางเป้าเงินเฟ้อไว้ที่ 2%

• EU กำลังพิจารณายกระดับข้อจำกัดทางด้านการค้าสำหรับบริษัทที่สนับสนุนรัสเซีย ซึ่งมี 3 แห่งตั้งอยู่ในจีน

• จีนและอินโดนีเซียตั้งเป้าลดการผลิตนิกเกิลลง 1 แสนตันในปีนี้ เพื่อลดปัญหาขาดทุนหลังราคานิกเกิลปรับลง พร้อมลดการผลิตเพิ่มอีกหากผู้ผลิตต้องการกระตุ้นราคาให้สูงขึ้นและลดอุปทานส่วนเกินออกจากตลาด

• วานนี้เรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงถูกขีปนาวุธยิงถล่ม 2 ครั้งซ้อน ขณะแล่นผ่านช่องแคบบับ อัล-มันดับ กลุ่มกบฏฮูตีอ้างความรับผิดชอบแล้ว สะท้อนสถานการณ์ในทะเลแดงยังตึงเครียดสูง

• อินเดียรายงานดัชนี CPI ม.ค. ที่ 5.10%YoY ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และชะลอตัวจาก 5.69% ใน ธ.ค. แต่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางอินเดียที่ 2-6%

• นายกฯ นัดประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ 15 ก.พ. หารือ 4 วาระสำคัญ หนังสือตอบกลับจากกฤษฎีกา ข้อเสนอแนะจาก ป.ป.ช. พร้อมตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด เร่งเดินหน้าโครงการแก้วิกฤต ตามนิยามรัฐบาล นอกจากนี้นายกฯ แถลง 2 เดือนแก้หนี้ทั้งระบบไกล่เกลี่ยสำเร็จ 1.2 หมื่นราย หนี้ลด 670 ลบ.จาก 1.4 แสนราย

• ตลท. เตรียมเพิ่มกลไกควบคุม short selling-program trading โดยจะเสนอผลการศึกษาเข้าที่ประชุมบอร์ดวันนี้

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ และอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่จะทยอยออกมา นอกจากนั้นความเสี่ยงเงินเฟ้อของสหรัฐอาจลดลงน้อยกว่าคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”

ล็อคเป้าลงทุน
 
Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET แกว่งตัวในกรอบจำกัด หลังขาดปัจจัยหนุนและรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ.ไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงคงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO

2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 67 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL ZEN CPF BTG AU AWC SIRI

DAILY TOP PICKS

TOP 4Q66 คาดกำไรสุทธิ 2.7 พันลบ. ดีขึ้นมาก YoY หนุนปี 2566 กำไรสุทธิจะดีกว่าตลาดและเราคาด แนวโน้มกำไรปี 2567 ยังแข็งแกร่ง หนุนจาก market GRM และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PX ที่ดี อีกทั้ง Valuation ปัจจุบัน PBV ปี 67 ที่ 0.6x (-1.6SD ค่าเฉลี่ย 5 ปี) คาด Div. Yield ราว 5%

BGRIM ได้ประโยชน์จาก SPP margin ที่คาดจะเพิ่มขึ้นหลังต้นทุนราคาก๊าซฯ ปรับลดลงทั้งจากราคา LNG และสัดส่วนก๊าซฯ จากอ่าวไทยที่เพิ่มขึ้นตามการผลิตของแหล่งเอราวัณ ช่วยหนุนผลประกอบการปี 2567 รวมถึงได้ผลบวกเชิงจิตวิทยาจากผลตอบแทนพันธบัตรผ่านจุดสูงสุด
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 ก.พ. 2567 เวลา : 11:33:54
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 5:46 pm