+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นภายหลังนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปฎิเสธข้อเสนอหยุดยิงชั่วคราว ประกอบกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความตึงเครียดขึ้นเช่นกันภายหลังอิสราเอลยังคงเดินหน้าใช้ปฎิบัติทางการทหารเพื่อโจมตีเมืองราฟาห์ (Rafah) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา แม้จะมีเสียงต่อต้านจากนานาชาติรวมถึงชาติพันธมิตรก็ตาม
+ รายงานฉบับล่าสุดของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC) ในเดือน ก.พ. 67 ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 ขึ้นจากระดับ 2.6% มาอยู่ที่ระดับ 2.7% หลังคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม OPEC ยังคงคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 2567 ที่ระดับ 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐอเมริกาเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือน ม.ค. 67 อยู่ที่ 3.1% สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 2.9% นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ม.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 3.9% สูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 3.7% อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ระดับ 2% ส่งผลให้ตลาดคาดกาณ์ว่า FED ยังคงมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงในอัตรา 5.25-5.50%
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขส่งออกน้ำมันเบนซินของจีนมายังสิงคโปร์ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 1 ก.พ. 67 ปรับตัวลดลง 62.7% หลังความต้องการใช้ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการหยุดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดได้รับแรงสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังยุโรป ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 8 ก.พ. 67 ที่ปรับตัวลดลง 3.6% มาอยู่ที่ระดับ 1.88 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการประมูลขายน้ำมันดีเซลของประเทศอินเดียสำหรับส่งมอบเดือน มี.ค. 67
ข่าวเด่น