คาด SET ปรับตัวลง หลังเงินเฟ้อสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด สร้างความกังวลว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยระดับสูงไว้นานกว่าที่ตลาดคาด ด้านผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้นแรง ดอลลาร์แข็งแรง บาทอ่อน เป็นลบต่อทิศทาง fund flow ทั้งนี้ SET มีแนวรับอยู่ที่ 1380 และ 1370 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1394-1400 จุด
ประเด็นสำคัญ
• สหรัฐรายงานดัชนี CPI และ Core CPI ม.ค. ปรับขึ้น 3.1%YoY และ 3.9%YoY ตามลำดับ สูงกว่าคาด ทำให้ตลาดเลื่อนคาดการณ์ที่ Fed จะลด ดบ. ไปเป็น มิ.ย. จากเดิมที่คาดว่าจะลด ดบ. ใน พ.ค.
• วันนี้ จนท. จากสหรัฐ อียิปต์ อิสราเอล และกาตาร์ จะจัดการประชุมที่กรุงไคโรเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา
• OPEC คาดอุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 2.25 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2567 และ 1.85 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568 พร้อมคาด ศก. โลกจะขยายตัว 2.7% ในปี 2567 และ 2.9% ในปี 2568 จากเดิมคาดที่ 2.6% และ 2.8% ตามลำดับ หนุนจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อ
• วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างงบประมาณช่วยเหลือต่างประเทศก้อนใหญ่ 9.534 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อสนับสนุนยูเครน อิสราเอล และไต้หวัน โดยผ่านไปด้วยคะแนน 70 ต่อ 29 เสียง
• ก. ท่องเที่ยวฯ ระบุ นทท. ต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่าง 5-11 ก.พ. 67 มีจำนวน 872,235 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 102,227 คน หรือ 13.28%
• ม. หอการค้าไทยระบุผลสำรวจการใช้จ่ายช่วงวาเลนไทน์ 14 ก.พ. 67 คาดจะมีเงินสะพัดกว่า 2.5 พันลบ. เพิ่มขึ้น 5.4%YoY สูงสุดในรอบ 5 ปี ส่งผลให้กิจกรรม ก.พ. 67 ทั้งตรุษจีน วาเลนไทน์ และวันมาฆบูชา น่าจะมีเงินสะพัดมากกว่า 8-9 หมื่นลบ. เข้าระบบ ศก. ไทย
• ตลท. เตรียมหารือ ก.ล.ต. นำ 4 มาตรการระยะสั้น-ยาวควบคุมดูแลธุรกรรมขายชอร์ต-โปรแกรมเทรดดิ้ง
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ และอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่จะทยอยออกมา นอกจากนั้นความเสี่ยงเงินเฟ้อของสหรัฐอาจลดลงน้อยกว่าคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET แกว่งตัวในกรอบจำกัด หลังขาดปัจจัยหนุนและรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ.ไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงคงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO
2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 67 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB
3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง
ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL ZEN CPF BTG AU AWC SIRI
DAILY TOP PICKS
BEM หุ้นปลอดภัยยามตลาดผันผวน และ 4Q66 คาดกำไรสุทธิ 796 ลบ. โต 32%YoY จากปริมาณรถใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้น คาดปี 2566 กำไร 3.4 พันลบ. โต 40%YoY และคาดโตอีก 27%YoY ในปี 2567 ตามปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT เพิ่มต่อเนื่อง
PTT มองเป็นหุ้น defensive ที่กระจายความเสี่ยงธุรกิจลงตัว ขยายไปสู่ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและธุรกิจอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการมีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว คาดกำไรจากการดำเนินงาน 1Q67 ดีขึ้น QoQ จากกำไรในธุรกิจ P&R ดีขึ้น พร้อมคาดให้ Div. Yield สูงถึงปีละ 6%
ข่าวเด่น