SET ยังแกว่งในกรอบระหว่าง 1380-1400 จุด ซึ่งในทางเทคนิค รอการ breakout ทางกรอบใดกรอบหนึ่ง จะมีทิศทางที่ชัดขึ้น โดยหากขึ้นทะลุ 1400 จุด จะเป็นสัญญาณที่ดีต่อในระยะสั้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1410 จุด ส่วนกรณีหลุดต่ำกว่า 1380 จุด จะเป็นสัญญาณลบต่อการเปิดด้าน downside โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1370 จุด
ประเด็นสำคัญ
• สศช. ปรับลด GDP ปี 2567 จาก 3.2% เหลือ 2.7% รับความไม่แน่นอน ศก. โลก ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ส่วน GDP ปี 2566 โต 1.9% แนะนำใช้มาตรการการเงินพยุง ศก. หลังมาตรการการคลังใช้หมดแล้ว แต่หนี้ครัวเรือนสูง SMEs มีสัญญาณหนี้เสีย
• ธปท. เตรียมหารือข้อเสนอสภาพัฒน์ให้ทบทวนจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำจาก 8% เหลือ 5%
• นายกฯ กังวล ศก. โตต่ำ ไร้เม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบ ระบุรัฐบาลยังใช้งบไม่ได้ แนะนำลด ดบ. 0.25% ขณะที่ตั้งเป้าดิจิทัลวอลเล็ตเกิดขึ้นภายใน พ.ค.
• ม.หอการค้าไทย คาดปี 2567 การส่งออกไทยจะกลับมาขยายตัวมากกว่าปี 66 โดยคาดการส่งออกไทยจะขยายตัว 2%-3% มูลค่าราว 2.90 - 2.93 แสนล้านเหรียญ
• ธนาคารกลางเยอรมนีระบุ ศก. มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว จากอุปสงค์ภายนอก ปท. อ่อนแอ ผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่าย และการลงทุนใน ปท. ถูกจำกัดจาก ดบ. เงินกู้ในระดับสูง
• ทางการจีนระบุการท่องเที่ยวใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีนสูงกว่าช่วงก่อนวิกฤติโควิดในปี 2562 แล้ว ขณะที่ PBOC อัดฉีดสภาพคล่องรอบใหม่ 5 แสนล้านหยวน แต่ยังไม่ลด ดบ. เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวน
• รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมจะลงทุน 743 ล้านเหรียญ ในช่วง 5 ปีข้างหน้าเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และตั้งฮับ AI ระดับโลก
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ เนื่องจากไร้ปัจจัยหนุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่จะทยอยออกมาซึ่งคาดยังมีแนวโน้มอ่อนแอ นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่กำลังจะทยอยออกมามองตลาดรับรู้ไปแล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET แกว่งตัวในกรอบแคบ หลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่และอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ.ไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงคงเน้น “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาในไทยฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองมากนัก เลือก AOT MINT
2) หุ้นปันผลคุณภาพดีที่คาดประกาศจ่ายเงินปันผลในสัปดาห์นี้ (XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้) โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB
3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง
ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO ZEN CPF BTG AU AWC SIRI
DAILY TOP PICKS
BEM หุ้นปลอดภัยยามตลาดผันผวน และ 4Q66 คาดกำไรสุทธิ 796 ลบ. โต 32%YoY จากปริมาณรถใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้น คาดปี 2566 กำไร 3.4 พันลบ. โต 40%YoY และคาดโตอีก 27%YoY ในปี 2567 ตามปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT เพิ่มต่อเนื่อง
TNP 4Q66 กำไรสุทธิดีเกินคาด โต 42%QoQ และ 14%YoY ยอดขายที่เติบโตและคุม คชจ. ได้ดี แนวโน้มกำไร 1Q67 ยังสดใส YoY มองเป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้น ศก. จะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นและ Upside Risk ต่อประมาณการในระยะถัดไป แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรวันนี้ไม่เกิน 3.20 บ.
ข่าวเด่น