SET อ่อนตัวกลับมาปิดต่ำกว่า 1400 จุด สร้างสัญญาณลบต่อภาพการชะลอตัวทางเทคนิค และภาวะ overbought ในระยะสั้น ทำให้ upside ระยะสั้นถูกจำกัด บริเวณแนวต้าน 1410-1415 จุด อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมยังมีสัญญาณที่ดี ทำให้การชะลอตัว มีแนวรับบริเวณ 1390-1395 จุด เป็นจุดรองรับ หากไม่ต่ำกว่า ยังเป็นสัญญาณที่ดี
ประเด็นสำคัญ
• พาณิชย์รายงานมูลค่าการส่งออก ม.ค. ที่ 7.8 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 10% ขยายตัวเป็นเดือนที่ 6 สูงสุดในรอบ 19 เดือน นับจาก มิ.ย. 65 ส่วนมูลค่าการนำเข้า ม.ค. ที่ 8.9 แสนลบ. เพิ่มขึ้น 2.5% คิดเป็นขาดดุลการค้า 1.06 แสนลบ.
• ส.อ.ท. คาดการค้าชายแดนไทยปี 2567 มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง หลังปี 2566 ลดลง 12.06% จาก ศก. เพื่อนบ้านชะลอ ความไม่สงบในเมียนมา สินค้าจีนเข้าตีตลาดอาเซียน และปัญหาโลจิสติกส์
• กทพ. เตรียมปรับอัตราค่าผ่านทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถีราว 5 บ. ตามเงื่อนไขสัญญากองทุนรวม TFFIF ที่จะปรับขึ้นทุก 5 ปี ปี โดยจะปรับอัตราค่าผ่านทางในวันที่ 1 มี.ค. 67 หลังชะลอการปรับขึ้นมาตั้งแต่ 1 ก.พ. 66
• ททท. ขานรับนโยบายนายกฯ ดันไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ดึงพันธมิตร 15 สายการบิน เพิ่มเส้นทางบิน เที่ยวบินเข้าสู่เมืองหลักและเมืองรอง
• ยอดขายบ้านใหม่ ม.ค. 67 ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.5%MoM และ 1.8%YoY สู่ระดับ 661,000 ยูนิต ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาด
• คกก. ด้านบริการการเงินของเกาหลีใต้ (FSC) ออกมาตรการเพื่อปรับปรุงการกำกับดูแลกิจการและเพิ่มมูลค่าตลาดหุ้นใน ปท. ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง โดยมาจากกลยุทธ์ของญี่ปุ่น
• ญี่ปุ่นจะมอบเงิน 7.32 แสนล้านเยน (4.86 พันล้านดอลลาร์) ให้กับ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสัญญาจ้างรายใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อช่วยในการสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งที่สองในญี่ปุ่น
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบ แต่มีโอกาสได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่แข็งแกร่งและเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัว รวมถึงธุรกรรมการชอร์ตเซลที่คาดจะมีแนวโน้มกดดันบรรยากาศลงทุนน้อยลงและมีโอกาสลุ้น Fund Flow ไหลกลับ ขณะที่ในประเทศเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการทยอยประกาศผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทย ซึ่งคาดยังมีแนวโน้มอ่อนแอ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET แกว่งตัวในกรอบ หลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายประกาศงบ 4Q66 ของ บจ.ไทย แต่ยังมีโอกาสลุ้น Fund Flow ไหลกลับหนุนบรรยากาศลงทุน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลัก ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาในไทยฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองมากนัก เลือก AOT MINT
2) หุ้นเก็งกำไรหาก SET ฟื้นตัวทะลุ 1400 จุด ซึ่งคาดจะมีแรงซื้อกลับจากทำ Cover Short และ Fund Flow ไหลกลับ ขณะที่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง เลือก AOT KBANK KTB PTT
3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง
DAILY TOP PICKS
CPALL 4Q66 กำไรปกติดีเกินคาดและเติบโตดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ ขณะที่ยอดขายสาขาเดิม 1Q67TD โตเด่นสุดในกลุ่มคาดหนุน 1Q67 เติบโต YoY แต่ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567-2568 โดยคาดปี 2567 กำไรสุทธิเติบโตต่อ 17.8%YoY สู่ 2.08 หมื่นลบ.
ERW 4Q66 กำไรสุทธิดีเกินคาด และปี 2567 คาดกำไรเติบโต 10%YoY ขณะที่ราคาหุ้น ERW ปรับลงมาแล้ว 8% จากจุดสูงสุดเมื่อไม่นานนี้ มองว่าราคาหุ้นตอนนี้มี risk/reward น่าสนใจ เทรดที่ EV/EBITDA 67F ระดับ 11 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทั้งนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรวันนี้ไม่เกิน 4.88 บ.
ข่าวเด่น