JMART ยกทัพบริษัทในกลุ่มเดินหน้าปี 67 ทำ New High สร้างการเติบโตรอบใหม่ด้วยฐานทุนที่แข็งแกร่ง ชูโรงด้วยธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพของ JMT และสุกี้ตี๋น้อย เป็นดาวเด่นหนุนกำไร ส่วน JAS ASSET ขยายธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า เปิดคอมมูนิตี้มอลล์เพิ่ม 3 แห่ง พร้อมรับผลงานจาก Senior wellness และสยายปีกธุรกิจโรงแรม สำหรับ Jaymart Mobile แย้ม Q1/67 ยอดขายอู้ฟู่ ด้าน SIGER SGC ผ่านจุดต่ำสุดแล้วเตรียมขยายธุรกิจและผลิตภัณฑ์ที่เป็นโอกาสเพิ่มเติม ส่วน J Ventures วางเกมด้าน Digitization ให้กับกลุ่มด้วยแนวคิด “The New Jaymart”
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า มั่นใจปี 67 สร้างฐานการเติบโต โฟกัส Commerce Tech และ Finance Tech โดยเชื่อว่า JMT จะเป็นหัวหอกในการสร้างกำไรนิวไฮกลับมาต่อเนื่อง ภาพรวมการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารควบคู่ยอดจัดเก็บที่ทะยานทำสถิติใหม่ๆ โดยตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงาน New High ต่อเนื่อง นอกจากนี้ สุกี้ตี๋น้อยที่เราเข้าไปลงทุนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ยังคงมีผลการดำเนินงานเชิงบวกจากการขยายธุรกิจ ปัจจุบัน มีสาขากว่า 59 สาขา โดยมี 7 สาขาอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา สุกี้ตี๋น้อยมีกำไรสุทธิ 913 ล้านบาท ในปี 2566 โดยไตรมาส 1/2567 เตรียมเปิดสาขาที่ 59 ศาลายา One และตั้งเป้าขยายต่างจังหวัดมากขึ้นรับดีมานด์ที่เข้ามา
ขณะที่ เจมาร์ทโมบาย จะกลับมาฟื้นตัวรับสินค้าเทคโนโลยีเปิดตัว โดยเฉพาะกลุ่ม AI Smart Phone ซึ่งกำลังจะเป็นเทรนต่อไปในมือถือ รวมถึงการผนึกกำลังของบริษัทในเครือในการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ SINGER และ SGC สำหรับธุรกิจใหม่ และโอกาสใหม่ จะทำให้มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่องหลังผ่านพ้นช่วงวิกฤติในปี 2566 ไปแล้ว พร้อมเตรียมนำธุรกิจใหม่ที่สร้างผลตอบแทนที่ดี และมี NPL ที่ต่ำเข้ามาเพิ่ม เช่น การทำสินเชื่อ Locked Phone สร้างความยืดหยุ่นทางด้านการเงินให้กับผู้บริโภค และบริหารความเสี่ยงของ NPL ที่คาดว่าจะต่ำกว่า 3% เป็นธุรกิจหลักสำคัญที่จะพลิกฟื้นใน SINGER และ SGC กลับมาแข็งแกร่งได้
นายเอกชัย สุขุมวิทยา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า ในกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยี นำโดย บริษัท เจเวนเจอร์ส จำกัด วางกลยุทธ์ The New Jaymart ให้ทุกบริษัทสามารถสร้างผลการดำเนินงาน ขยายฐานลูกค้า และ Synergy กันอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยี ใช้ข้อมูล Data Driven Platform การขับเคลื่อนการตลาด ด้วยการใช้ Data Analytic ให้เราเข้าใจลูกค้ามากขึ้น สามารถได้รับผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีจากเรา รวมทั้ง การทำ CoE หรือ Center of excellence รวมภารกิจในการจัดการในแต่ละธุรกิจเข้ามา เพื่อที่จะสามารถสร้าง New S-Curve ให้แก่กลุ่มบริษัทได้
ด้าน นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจติดตามหนี้ ธุรกิจซื้อหนี้มาบริหาร และประกัน เติบโตในทุกกลุ่ม โดยปี 2567 จะยังคงเน้นการซื้อหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน (Secure Loan) และยังมองหาโอกาสในกลุ่มมีหลักประกัน (Secure Loan) เข้ามาบริหารเพิ่มเติม ควบคู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บหนี้ และภาพรวมยังคงมั่นใจทำ New High ต่อเนื่อง ซึ่งสัญญาณไตรมาส 1/2567 ยังคงเดินตามเป้า
โดยคาดปีนี้ JMT ใช้เงินลงทุนอย่างเหมาะสมในการลงทุน โดยพิจารณาจากศักยภาพของหนี้ด้อยคุณภาพที่มีผลตอบแทนที่ดี ในการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร และใช้งบลงทุนซื้อหนี้ตลอดหลายปีรวมประมาณ 37,000 ล้านบาท ปี 2566 เก็บมาได้แล้วรวมสะสมราว 79% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเฉพาะปีก่อนที่ยอดจัดเก็บทำได้เร็วมากขึ้น สนับสนุนผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ การคืนเงินหุ้นกู้ในปีนี้ ครั้งแรกในเดือนมีนาคมนี้ไม่มีปัญหา เตรียมเงินไว้หมดแล้ว
นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยว่า ภาพรวมปี 2567 บริษัทฯ มีขนาดสินทรัพย์ที่เราบริหารที่ใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งมากขึ้น มี Ecosystem ที่สามารถสร้างรายได้ใหม่ๆ โดยมั่นใจเปิด 3 โครงการใหญ่ปีนี้ คือ โครงการ JAS Green Village ประเวศ พื้นที่เช่าราว 1.5 หมื่นตร.ม.เตรียมเปิดเดือน มิถุนายน มีผู้เช่าแล้ว 90% ขณะที่ช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทมีแผนจะเปิด JAS Green Village รามคำแหง ซึ่งมีขนาดพื้นที่เช่า 5,000 ตร.ม.ส่วน JAS Green Village ขอนแก่น จะเปิดช่วงไตรมาส 4/2567 พื้นที่เช่าราว 80,000 ตร.ม. บนที่ดินที่เราลงทุนเอง ซึ่งเตรียมเปิดตัวธุรกิจสายโรงแรมที่ขอนแก่นที่แรก ผ่านบริษัทลูกที่เราลงทุนร่วมกับพาร์ทเนอร์
สำหรับ SENERA Senior Welness ที่เปิดตัวเพื่อรองรับเทรนของผู้สูงอายุ จะเป็นโครงสร้างรายได้ที่แข็งแกร่ง หลังได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น ปัจจุบันมี 2 สาขา ที่คู้บอน และบางบัวทอง ทำให้ปีนี้พอร์ต Senera มีเตียงบริหาร 208 เตียง สนับสนุนการเติบโตในปีนี้ด้วยภาพที่ชัดเจนขึ้น
สำหรับภาพรวมขนาดการบริหารพื้นที่เช่าโครงการศูนย์การค้าในปี 2566 มีพื้นที่รวมประมาณ 90,000 ตารางเมตร คาดปี 2567 และ 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 120,000 ตารางเมตร และ 150,000 เมตรตามลำดับ มองการเพิ่มรายได้อื่นๆ บนพื้นที่เช่าของเราเองเพิ่มเติม และการ Synergy กับทางสุกี้ตี๋น้อยที่เช่าเปิดสาขาอยู่ 6 แห่งแล้ว หรือประมาณ 3,300 ตารางเมตร พร้อมตั้งเป้ารายได้โตก้าวกระโดดหรือไม่น้อยกว่า 30% จากปีก่อน ที่มีรายได้ 581.10 ลบ. และมีกำไรสุทธิ 192.6 ลบ.
นายดุสิต สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท โมบาย จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ Jaymart Mobile จะเติบโตต่อเนื่อง โดยแนวโน้มไตรมาส 1/2567 รับอานิสงส์มาตรการรัฐ และการเปิดตัวสินค้าใหม่ในหลากหลายโมเดล สำหรับยอดขายที่เกิดขึ้นจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงปลายเดือนมกราคม ส่งเสริมยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมวางกลยุทธ์การเติบโตด้วย การทำ Affordable campaign ในการนำเครื่องเก่า แลกเครื่องใหม่ ได้รับส่วนลดเพิ่มการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น คุ้มค่ายิ่งขึ้น รวมทั้ง Financial Destination ร่วมกับบริษัทในกลุ่ม ด้วยการนำระบบมาบริหาร NPL และการโฟกัสดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และการ Synergy รวมทั้ง Mobile Care & Other การรับประกันสินค้าอย่างครบวงจร
นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ได้สะท้อนภาพของผลกระทบจากการตั้งสำรองไว้แล้ว และจะไม่มีการตั้งสำรองในระดับสูงอีก ควบคู่การควบคุม NPL และต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม โดยมองปี 2567 ธุรกิจใหม่ที่เป็นโอกาสจะเสริมทัพการเติบโต นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุน โดยจะโฟกัสยอดขายกลุ่มที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากการ Direct Sale ที่เชี่ยวชาญ แก้ไขเรื่อง Inventory โดยการมียอดขายสินค้ามือสองมากขึ้น สำหรับการปล่อยสินเชื่อมือถือในโครงการใหม่ แคมเปญ Lock Phone ร่วมกับพาร์ทเนอร์ อาทิ แบรนด์ mi เพื่อลด NPL รวมทั้ง ขยายไปยังโอกาสใหม่ๆ เช่น สินค้ากลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ EV โซล่าร์ รูฟ และไฮไลท์การขยายธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ทำให้ SINGER และ SGC กลับมามีผลการดำเนินงานที่ดีได้ อย่างไรก็ดี ในแง่ช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพมีแผนรีโนเวทประมาณ 100 สาขา รวมทั้ง เพิ่มการผ่อนชำระ และการ Synergy บริษัทในเครือนำสินค้า SINGER ไปจำหน่าย และการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ SINGER Ecommerce ที่จะเริ่มเดือนเมษายน อย่างไรก็ดี ด้วยการมีกระแสเงินสดที่มั่นคง สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ตามแผน
นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC บริษัทในกลุ่ม SINGER เปิดเผยว่า SGC การปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 4 มีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง สนับสนุนให้ ณ สิ้นปี 2566 มีพอร์ตสินเชื่อรวม 14,501 ล้านบาท โดยปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 6,400 ล้านบาท ปรับลดลงจากปีก่อนเนื่องจากนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุมมากขึ้น โดยแบ่งเป็น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) ภายใต้แบรนด์รถทำเงินราว 5,400 ล้านบาท และมีสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) 750 ล้านบาท และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน และการจัดเก็บเงินโดยใช้ SG Tracking system และความร่วมมือกับ JMT ทำให้ SGC สามารถเก็บเงินในปี 2566 ได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6,600 ล้านบาท
ในปี 2567 บริษัทจะมุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องและมีการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อสร้างฐานการเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมทั้ง ควบคุม NPL ที่ทำได้ดีขึ้น สิ้นปี 2566 จากการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจเราสร้างฐานการเติบโตกลับมาในปี 2567 ไฮไลท์ยังคงอยู่ที่ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) และสินเชื่อมือถือแบบ Locked Phone
นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด (J Ventures) ผู้พัฒนา 'JFIN Chain' บล็อกเชนเพื่อธุรกิจ ในเครือเจมาร์ท กล่าวเสริมถึง เทคโนโลยีที่เราทำมาต่อเนื่อง อาทิ J POINT และ J Wallet โดยบริษัทเจ อีลิท จำกัด กลไกแลกพอยท์กันผ่านการ Internal Synergy ทำมาแล้ว 2 ปี มีคนใช้พอยท์ของเราประมาณ 450,000 คน มีพอยท์ในระบบประมาณ 100 ล้านพอยท์ สร้างยอดขายที่เกิดขึ้นในกลุ่มเจมาร์ทราว 1,800 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ปีนี้ตั้งเป้าทำยอดขายให้กลุ่มเจมาร์ทได้ 2,430 ล้านบาท นับเป็นการช่วยให้เจมาร์ทขายของได้มากขึ้นผ่านกลไก Point System และตั้งเป้ามี member ใช้พอยท์ของเราแตะ 1 ล้านคนในปีนี้
โดยเจเวนเจอร์ส จะเป็นแกนกลางในเรื่องของเทคโนโลยี ด้วยจุดแข็งปัจจุบันเจมาร์ทมีลูกค้าประมาณ 11 ล้านรายที่ เข้ามาใช้บริการ มีมากสุดอยู่ที่สุกี้ตี๋น้อย ที่ใช้บริการต่อวันจำนวนมาก ตอกย้ำการทำ COE และเป็นพื้นฐานให้เจมาร์ทเตรียมพร้อมทำ CommerceTech และ Fintech ในด้านผลการดำเนินงาน เจเวนเจอร์สมีกำไรสุทธิในปี 2566 ประมาณ 29 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้แตะ 38 ล้านบาทได้ นับเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากการทำเรื่องดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นภายในกลุ่มเจมาร์ทและนอกกลุ่ม และมุ่งเน้นทำเรื่อง Commerce Tech - Fin Tech - Blockchain Tech รวมทั้งพัฒนาระบบการปล่อยกู้ DDLP ผ่านแพลตฟอร์มที่ชื่อ Pah (ป๋า) ล่าสุด Sysnergy กับทาง PRTR นับเป็นการเติบโตที่ NPL อยู่ในระดับต่ำมาก
ขณะที่ JFIN Chain 2025 ล่าสุดทำโปรเจกต์ แพลตฟอร์ม SANGA ช่วยให้การซื้อ-ขายหรือมีสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ ผ่านบริษัทร่วมลงทุนระหว่างกลุ่มเจมาร์ท - เจ เวนเจอร์ส และ บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ด้วยการจัดตั้งบริษัท Avantis เพื่อพัฒนาโซลูชัน SANGA ในการทำธุรกิจบล็อกเชนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อแปลงโฉนดที่ดินให้เป็นโฉนดดิจิทัล ล่าสุดลงทุนทรัพย์ที่ญี่ปุ่น และมาทำเรื่องของ Tokenization Asset ทุกคนสามารถมาซื้อลงทุนได้ผ่าน Token ตัวนี้ สอดรับ เทรนด์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นและที่อังกฤษ
ข่าวเด่น