เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "อยู่ในช่วงรีบาวด์ได้อยู่"


SET ชะลอตัวเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสัญญาณบวกทางเทคนิคในระยะสั้น ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1377 และ 1384 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1365 และ 1360 จุด ตามลำดับ คาดยังเป็นจุดรองรับได้ โดยไม่ต่ำกว่ายังเป็นสัญญาณที่ดีอยู่ในระยะสั้น สำหรับการฟื้นตัวได้ต่อ

ประเด็นสำคัญ

• ถ้อยแถลง ปธ. Fed ต่อคณะกรรมาธิการฯ วุฒิสภา ยังเน้นย้ำ Fed ใกล้จะเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อกำลังลดลงสู่เป้าหมาย 2% ทำให้การปรับลด ดบ. มีความเป็นไปได้ โดย นลท. คาด Fed จะลด ดบ. ครั้งแรกใน มิ.ย. ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วทรงตัวตามคาด

• ECB มีมติคง ดบ. ที่ 4% ตามคาด พร้อมลดคาดการณ์ GDP Growth ปีนี้สู่ 0.6% จากเดิม 0.8% และคาดเงินเฟ้อปีนี้ที่ 2.3% จากเดิม 2.7%

• จีนระบุยอดส่งออก ม.ค.-ก.พ. 67 เพิ่มขึ้น 7.1%YoY สูงกว่าตลาดคาด หนุนจากการฟื้นตัวตามวัฏจักรของอุปสงค์เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ใน ตปท. ขณะที่ยอดนำเข้าปรับขึ้น 3.5%YoY

• EU เตรียมกำหนดอัตราภาษีเพิ่มเติมสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าของจีน โดยระบุรัฐบาลจีนสนับสนุนการเงินผิดกฎหมายอุตสาหกรรม EV

• สัญญาข้าวสาลีลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี เนื่องจากราคาข้าวสาลีที่ระดับต่ำในการประมูลนำเข้าของแอลจีเรียในสัปดาห์นี้ บ่งชี้ถึงภาวะการแข่งขันที่รุนแรงทั่วโลกจากผลผลิตข้าวสาลีของ ปท. ในแถบทะเลดำ

• ม. หอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ. 67 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สูงสุดในรอบ 48 เดือนนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63

• FETCO ระบุดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พ.ค.67) ปรับขึ้นสู่เกณฑ์ทรงตัว ปัจจัยหนุนจากภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว และมาตรการกระตุ้น ศก. ปัจจัยฉุดคือ Fed ตรึง ดบ. และภาวะเงินเฟ้อ

• ธปท. กำหนดกรอบเวลาการยื่นขอใบอนุญาตตั้งธนาคารไร้สาขา โดยเปิดรับสมัคร 20 มี.ค.-19 ก.ย. 67 ใช้เวลาพิจารณา 9 เดือน ประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือก 3 รายแรก มิ.ย. 68 ตั้งเป้าเปิดให้บริการ มิ.ย. 69

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและการผลิตที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ. ของไทยลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ยังคงไว้ที่ระดับ 4.0% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET ยังรอปัจจัยหนุนใหม่เข้ามากระตุ้นบรรยากาศลงทุน และจับตาแรงกดดันจากความเสี่ยงโลก โดยเฉพาะจีน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นเก็งกำไรจากแรงซื้อกลับจากทำ Cover Short และ Fund Flow ไหลกลับ อีกทั้ง ตลท. มีแผนออกมาตรการคุม Short Sales มากขึ้น ขณะที่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง เลือก AOT KBANK BBL PTT

2) หุ้นขนาดเล็กที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยกำไรปี 2567 ยังเติบโตดี YoY และมองราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เลือก AU ONEE SECURE KLINIQ HTC

3) หุ้นปันผลที่คาดให้ Div. Yield สูงกว่า 4% อีกทั้ง DPS และ Div. payout ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งมองหนึ่งในทางเลือกลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ BBL KTB AP ADVANC RJH DRT

4) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง  

DAILY TOP PICKS

BCH มองเป็นหุ้นเด่นของเราในฐานะ earnings play โดยปี 2567 คาดกำไรปกติจะเติบโต 18%YoY สู่ 1.8 พันลบ.  แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มการแพทย์ แรงหนุนจากการดำเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้นที่โรงพยาบาลเปิดใหม่ 3 แห่ง สำหรับ 1Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล   

GPSC ช่วงสั้นมองได้ Sentiment บวกจากราคาก๊าซในยุโรปและ Bond Yield ของสหรัฐที่ปรับตัวลง ขณะที่เชื่อว่าปีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับ GPSC ได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยแรงกดดันที่ลดน้อยลงจากต้นทุนพลังงานและกำไรที่ดีขึ้นจากโรงไฟฟ้าทั่วไป จะหนุนให้ปี 2567 กำไรปกติจะเติบโตแข็งแกร่ง 49%YoY
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 มี.ค. 2567 เวลา : 11:55:22
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 1:45 pm