คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1370-1390 จุด โดยคาดนักลงทุนในตลาด รอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือน ก.พ. เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟด ส่วนภาพรวมติดตามกรอบล่างบริเวณแนวรับ 1360 จุด หากต่ำกว่า จะกลับมาเป็นสัญญาณลบ และกรอบบนบริเวณแนวต้าน 1400 จุด หากขึ้นทะลุผ่าน จะเป็นสัญญาณบวกต่อ
ประเด็นสำคัญ
• วันนี้ติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ. ของสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทาง ดบ. Fed โดยคาดดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 3.1%YoY และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 3.7%YoY
• จีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นใน 2M67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ต่ำกว่าระดับของเดือนก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มการซื้อน้ำมันที่ลดลงของจีนซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
• ยอดขายรถยนต์ของจีน ม.ค.-ก.พ. 67 เพิ่มขึ้น 11.1%YoY ที่ 4.03 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ ก.พ. อยู่ที่ 1.58 ล้านคัน ลดลง 19.9%YoY
• ราคาแร่เหล็กลดลงเกือบ 5%DoD หลังสต็อกแร่เหล็กของจีนเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี รวมทั้งความกังวลภาวะ ศก. อ่อนแอของจีน โดยเฉพาะภาคการผลิต ภาคการก่อสร้าง และภาคอสังหาริมทรัพย์
• อังกฤษเตรียมอนุญาตให้แพลตฟอร์มการลงทุนที่ได้รับการรับรองสามารถเปิดตัวทำการซื้อขาย ETNs ที่มีมูลค่าอิงตามคริปโทเคอร์เรน โดยจะจำกัดเฉพาะนักลงทุนแบบมืออาชีพ
• ตลท. ระบุ ก.พ. มีเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย เหตุลดความคาดหวังเรื่องลด ดบ. ของ Fed เหลือเพียง 3 ครั้งในปีนี้ เตรียมจัดโรดโชว์ดึง นลท. ตปท. เพิ่มสัดส่วนเป็น 50%
• ก.ล.ต. เตรียมออกมาตรการควบคุม Short Selling และ Program Trading หลังรับฟังเสร็จ เริ่มบังคับใช้ 3Q67 เพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิดทั้งโบรกเกอร์-ผู้ลงทุน ปิดช่องโหว่คัสโตเดียนรายงานก่อนทำรายการ
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนในกรอบ โดยยังมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด หลังในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ชี้นำ ขณะที่มองว่าตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศที่จะประกาศสัปดาห์นี้ อาทิ GDP 4Q66 ของญี่ปุ่นและยอดค้าปลีกของสหรัฐ จะยังอ่อนแอ ส่วนดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) ก.พ. ของสหรัฐ อาจจะเติบโตสูงกว่าตลาดคาดการณ์ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
ช่วงสั้น SET ยังผันผวนในกรอบ หลังยังไร้ปัจจัยชี้นำใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไรจากแรงซื้อกลับจากทำ Cover Short และ Fund Flow ไหลกลับ อีกทั้ง ตลท. มีแผนออกมาตรการคุม Short Sales มากขึ้น ขณะที่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง เลือก AOT KBANK BBL PTT
2) หุ้นเก็งกำไรหากเงินเฟ้อ ก.พ. ของสหรัฐ ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ซึ่งคาดส่ง Sentiment บวกต่อหุ้นที่ได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง เลือก AP CPALL GULF TIDLOR
3) หุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยกำไรปี 2567 ยังเติบโตดี YoY และมองราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เลือก AU ONEE SECURE KLINIQ HTC
4) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA หลังราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง
DAILY TOP PICKS
BDMS 1Q67 มองกำไรยังเติบโตแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติจะเติบโต 13% สู่ 1.6 หมื่นลบ. แรงหนุนจากรายได้ที่เติบโต 8% และ EBITDA margin ที่กว้างขึ้น อีกทั้ง Valuation ไม่แพง โดยเทรดที่ PER 67F ระดับ 29 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต
SECURE มองธุรกิจหลักยังอยู่ในอุตสาหกรรม Cybersecurity ที่ยังมีความต้องการและเติบโตอย่างต่อเนื่อง และราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 13.1x ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับกำไรปี 2567 ที่คาดเติบโต 16.6%YoY ไปแตะที่ระดับ 107 ลบ. โดยที่ประมาณการของเรายังมีโอกาสที่จะเห็น Upside ด้วย
ข่าวเด่น