เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "Upside ดูจำกัด"


 

คาด SET มี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1390 และ 1400 จุด ตามลำดับ เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยหนุน และระวังการอ่อนตัว หลังเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือน ก.พ. ออกมาสูงกว่าคาด สร้างความกังวลต่อความไม่แน่นอนเรื่องการลดดอกเบี้ยที่ตลาดคาดจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. ด้านแนวรับอยู่ที่ 1370 และ 1360 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• สหรัฐรายงานดัชนี CPI ทั่วไปเดือน ก.พ. ปรับขึ้น 0.4%MoM และ 3.2%YoY ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานเดือน ก.พ. ปรับขึ้น 0.4%MoM และ 3.8%YoY สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อย ทำให้ นลท. ไม่ได้วิตกกังวลมากเกินไปว่า Fed อาจจะยังไม่ปรับลด ดบ. ในเดือน มิ.ย.

• ราคาน้ำมันเบนซินในรัสเซียปรับขึ้น 1.2% หลังโดรนและขีปนาวุธของยูเครนโจมตีแหล่งผลิตพลังงานซึ่งรวมถึงเกิดไฟไหม้โรงกลั่นของบริษัท Lukoil ที่นอร์ซี

• EIA คาดการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 2.6 แสนบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 13.19 ล้านบาร์เรล/วัน จากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.7 แสนบาร์เรล/วัน

• Xiaomi จะเริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าคันแรก SU7 ของบริษัทภายในสิ้นเดือนนี้ ถือเป็นการก้าวเข้าสู่อุตฯ ยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมีการแข่งขันสูง

• ครม. มีมติเห็นชอบให้หักภาษี ณ ที่จ่ายกำไร Investment Token 15% ไม่ต้องคำนวณภาษีเงินได้ซ้ำ มีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 ขณะที่ ก.ล.ต. คาดปี 2567 จะมีการระดมทุนด้วย Investment Token ราว 1.85 หมื่นลบ.

• ก. ท่องเที่ยวฯ ระบุจำนวน นทท. วันที่ 4-10 มี.ค. อยู่ที่ 698,675 คน ลดลง 7% WoW ตามปัจจัยฤดูกาลแต่แนวโน้มขาขึ้นยังอยู่ โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย รัสเซีย อินเดียและเกาหลีใต้

• ธปท. แนะนำ ธพ. ทำ Transition Product ผลิตภัณฑ์การเงินหนุนลูกค้าสู่ธุรกิจสีเขียว ภายในไตรมาส 2-3 นี้ พร้อมวางแผนระยะยาวภายในปี 2568 ต้องทำ Transition Plan นำร่อง 1 อุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังผันผวนในกรอบ โดยยังมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด หลังในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ชี้นำ ขณะที่มองว่าตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศที่จะประกาศสัปดาห์นี้ อาทิ GDP 4Q66 ของญี่ปุ่นและยอดค้าปลีกของสหรัฐ จะยังอ่อนแอ ขณะที่ดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) ก.พ. ของสหรัฐ ออกมาสูงกว่าตลาดคาดการณ์ สร้างแรงกดดันต่อความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

ช่วงสั้น SET ยังผันผวนในกรอบ หลังยังไร้ปัจจัยชี้นำใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นเก็งกำไรจากแรงซื้อกลับจากทำ Cover Short และ Fund Flow ไหลกลับ อีกทั้ง ตลท. มีแผนออกมาตรการคุม Short Sales มากขึ้น ขณะที่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง เลือก AOT KBANK BBL  PTT

2) หุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยกำไรปี 2567 ยังเติบโตดี YoY และมองราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เลือก AU ONEE SECURE KLINIQ HTC

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA หลังราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

DAILY TOP PICKS

SCGP มีหลายปัจจัยหนุนราคาหุ้นปรับขึ้น ได้แก่ 1Q67 คาดผลประกอบการฟื้นตัวจากการดำเนินงานในอินโดนีเซียดูดีขึ้น, มีโอกาสทำ M&P เพื่อให้ EBITDA margin มีเสถียรภาพมากขึ้น และคาด downside มีจำกัด หลังราคาหุ้นลดลงมาอยู่ที่ระดับ -2SD ของ PER mean และพบปริมาณขายชอร์ตลดลงอย่างมาก

XPG เป็นหนึ่งในตัวแทนที่ได้ประโยชน์จาก Crypto ที่ปรับขึ้น และทุกธุรกิจยังเติบโตได้ โดยรายได้ดอกเบี้ยคาดเติบโตจากธุรกิจปล่อยสินเชื่อ, รายได้จากค่าธรรมเนียมคาดโตเด่นจากธุรกิจ Digital Asset ทั้งเทรด Crypto และทำ ICO ขณะที่ AMC มีโอกาสได้มูลหนี้เพิ่ม คาดปี 2567 รายได้และกำไรสุทธิทำนิวไฮ
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 มี.ค. 2567 เวลา : 10:50:17
26-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2024, 11:16 am