“กรุงศรี ออโต้” ประกาศแผน 3 ปี สร้างคุณค่าธุรกิจ เป็น 1 ในใจผู้ใช้รถ เดินหน้าปล่อยสินเชื่อแบบมีความรับผิดชอบ ดูกำลังผ่อนผู้กู้เป็นหลัก ตั้งเป้าปี 67 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 2.19 แสนล้านบาท ยอมรับชะลอตัวลงจากยอดปล่อยใหม่ปีก่อน เหตุ รถ EV แผ่วลง พร้อมกด NPL เหลือ 2%
นายคงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2567 กรุงศรี ออโต้ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 219,636 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 466,577 ล้านบาท เติบโต 5% จากปี 2566 ที่มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 444,644 ล้านบาท เติบโต 4% และยอดสินเชื่อใหม่ 223,435 ล้านบาท เติบโต 22% โดยสัดส่วนยอดสินเชื่อใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัล เพิ่มเป็น 17% และสัดส่วนยอดสินเชื่อใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า HEV,PHEV,BEV เพิ่มเป็น 49%
ส่วนสาเหตุที่ตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อใหม่ปีนี้ลดลงกว่าที่ทำได้ในปีก่อน เนื่องจากมองว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV ในปี 2567 นี้ อาจจะเติบโตชะลอตัวลงจากปีก่อนค่อนข้างมาก หรือเติบโตไม่แรงเท่าปี 2566 หลังจากที่ลูกค้ากลุ่มแรก (First adoption) ที่มีความต้องการทดลองใช้รถ EV จากการมองเรื่องความคุ้มค่า ไม่ต้องเติมน้ำมัน และราคารถถูกกว่ารถสันดาปทั่วไป ได้ซื้อรถ EV ไปกันมากแล้ว ทำให้ดีมานด์รถ EV ถูกดึงออกจากตลาดไปจำนวนมากแล้ว ขณะที่ในปีนี้กลุ่มลูกค้าที่สนใจจะเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่อาจมองถึงความยั่งยืนของการใช้รถเป็นหลักมากกว่า รวมถึงการเดินทางในระยะไกลที่ต้องคอยชาร์จไฟ และเรื่องของแบตเตอรี่ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องมาตรการภาครัฐในการสนับสนุนทางภาษีรถ EV 3.5 ที่ลดลง ออกมาด้วย จากมาตรการเดิม EV 3.0 ทำให้ราคารถ EV ปรับสูงขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถ EV ชะลอตัวลง แม้รถ EV จะมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาในตลาดก็ตาม
ทั้งนี้ กรุงศรี ออโต้ ประเมินว่า ยอดขายรถ EV ของทั้งตลาดในปี 2567 จะอยู่ที่ 100,000 คัน จากปีก่อนที่ 76,000 คัน แต่กรุงศรี ออโต้ ยังคงมีการสนับสนุนสินเชื่อรถ EV ต่อไป โดยตั้งเป้าสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อรถ EV ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ที่ 50% จากปีก่อน 49% ซึ่งยังครองอันดับ 1 ของธุรกิจสินเชื่อรถยนต์
“ยอดสินเชื่อใหม่ปีนี้ไม่แรงเท่าปีก่อน วอลุ่มน่าจะน้อยลงตามตลาด แต่ในส่วนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ไม่ได้มีการปรับเกณฑ์เข้มงวดใดๆ ยังคงยึดมั่นบนหลักการการปล่อยสินเชื่อแบบมีความรับผิดชอบ (Responsibility lending) โดยดูศักยภาพทางการเงินของผู้กู้ และความสามารถในการจ่ายค่างวดผ่อนรถ เป็นหลัก ซึ่งอัตราการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ ของ กรุงศรี ออโต้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยังคงอยู่ที่ระดับ 80% และมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ ที่ระดับ 20% ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน”นายคงสินกล่าว
นายคงสินกล่าวต่อไปว่า ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า กรุงศรี ออโต้ ยังคงมุ่งสนับสนุนการเติบโตของตลาดสินเชื่อยานยนต์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ในปีนี้จะยังคงเผชิญความผันผวนของเศรษฐกิจ และมีผลกระทบต่อกำลังซื้อและการตัดสินใจซื้อของคนที่จะซี้อรถ แต่ กรุงศรี ออโต้ ยังคงเดินหน้าในการสนับสนุนให้ทุกคนมีรถใช้ ถ้าผู้ซื้อรถมีความพร้อมและไม่แบกรับภาระในภายภาคหน้า ซึ่งปัจจุบันลูกค้ามีความระมัด ระวังมากขึ้นในการเช่าซื้อรถ โดยดูกำลังผ่อนค่างวดของตัวเองเป็นหลัก สอดคล้องกับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อแบบมีความรับผิดชอบของกรุงศรี ออโต้ ซึ่งมั่นใจว่า กรุงศรี ออโต้ ยังคงรักษาความเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อรถยนต์อันดับ 1 ในประเทศไทยต่อไป จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาด (Market share) อยู่ที่ 33% ซึ่งคาดว่าในปีนี้ยอดขายรถยนต์ใหม่ของทั้งตลาดสินเชื่อยานยนต์ จะอยู่ที่ 791,000 คัน เติบโต 2% โดยมีมูลค่า 505,000 ล้านบาท เติบโต 0.4%
สำหรับสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่อรถยนต์ ตั้งเป้าควบคุมให้อยู่ในระดับ 2% ลดลงจากปีก่อนที่ 2.5% สาเหตุที่ลดลงมาจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) 2.7% จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักขึ้น ทำให้คนมีรายได้กลับมามากขึ้น และมีการชำระคืนหนี้กลับมาปกติมากขึ้นตามไปด้วย ขณะที่สินเชื่อเข้ามาใหม่ดี เพราะลูกค้ากังวลเรื่องเงินมากขึ้น ยังไม่มีกำลังพอก็ไม่อยากจะกู้ รวมถึง กรุงศรี ออโต้ ประเมินอย่างถี่ถ้วนถึงกำลังการจ่ายค่างวดตลอดระยะเวลาในสัญญา เพื่อให้มั่นใจลูกค้ามีความสามารถชำระหนี้ได้จริง อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการลดภาระค่างวดที่ลูกค้าต้องจ่ายในแต่ละเดือน กรุงศรี ออโต้ ได้ขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระสำหรับสินเชื่อรถยนต์เป็นสูงสุดนาน 84 เดือน และสินเชื่อรถมอเตอร์ไซด์สูงสุดนาน 72 เดือน เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถคำนวณอัตราการชำระสินเชื่อได้เหมาะสมกับรายได้ของแต่ละคน
นายคงสินกล่าวต่อไปว่า จากความสำเร็จในปี 2566 ที่ผ่านมา ของ กรุงศรี ออโต้ ในการครองตำแหน่งผู้นำตลาดที่เป็นมากกว่าผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ หรือ Beyond Auto Finance ทำให้เรามองไกลออกไปในอีกสามปีข้างหน้า เล็งเห็นถึงแนวโน้มธุรกิจที่ควรต่อยอดอย่างช่องทางดิจิทัลและอีวี รวมไปถึงโอกาสใหม่ๆ ในด้านเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค และการบริหารองค์กร ซึ่งในฐานะผู้ให้บริการด้านสินเชื่อยานยนต์ที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Krungsri Auto Responsible Lending) เราพร้อมส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับตลาดและขับเคลื่อนทีม กรุงศรี ออโต้ ด้วยการสร้างคุณค่าร่วม (CSV: Creating Shared Value) ให้เกิดขึ้น เพื่อให้ กรุงศรี ออโต้ เป็นที่ 1 ในใจผู้ใช้รถ
โดยแผนธุรกิจระยะกลางปี 2567-2569 ของ กรุงศรี ออโต้ ภายใต้กลยุทธ์ ‘SEE Beyond’ ประกอบไปด้วย
1. Sustainability - สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ยึดมั่นการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Krungsri Auto Responsible Lending) ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดรับกับแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ประกาศใช้เมื่อต้นปี ผ่านหลักการ C-O-D-E ในการดำเนินธุรกิจอย่างเคร่งครัด ได้แก่ การช่วยประกอบการพิจารณาสินเชื่อให้กับลูกค้าเพื่อประเมินความสามารถ รายได้ และการชำระค่างวด (Capability to pay) นำเสนอเงื่อนไขที่โปร่งใสและเป็นธรรม (Offerings with transparency) ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าในภาวะวิกฤต (Debt restructure) และให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจและไม่ให้ลูกค้าก่อหนี้เกินความจำเป็น (Education) พร้อมกับสร้างโอกาสในการเรียนรู้ด้านการบริหารการเงินให้กับผู้ใช้รถ และสื่อสารความรู้ด้านสินเชื่อและประกันภัยยานยนต์ผ่านแพลตฟอร์มของ One Retail และเครือกรุงศรี
2. Auto User Ecosystem Connectivity - สานต่อการเชื่อมโยงอีโคซิสเต็มเพื่อผู้ใช้รถ ปักธงเป็น Aggregator หรือผู้สร้างอีโคซิสเต็มที่เป็นศูนย์รวมทุกเรื่องของผู้ใช้รถไว้ในที่เดียว โดยผสานความแข็งแกร่งของพันธมิตรกว่า 100 ราย กับฐานผู้ใช้รถกว่า 3.3 ล้านรายในประเทศไทย เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่จากบริการใหม่บนแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto ได้แก่ GO Travel ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนผู้ใช้รถขับรถเที่ยวไทยพร้อมรับสิทธิพิเศษร่วมกับพันธมิตรตลอดเส้นทาง กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ, EV Station สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดกับพันธมิตรสถานีชาร์จอีวี 5 ราย ครอบคลุมทั่วประเทศ และ E-marketplace สร้างแหล่งซื้อขายยานยนต์ผ่าน Auto Station รวมไปถึงสินค้าและอุปกรณ์เสริมอีวีผ่าน LINE Official Account ที่ให้ผู้ขายได้ติดต่อกับผู้ซื้อโดยตรง
3. Empowerment - ส่งต่อพลังเพิ่มศักยภาพองค์กร ขับเคลื่อนองค์กรผ่านพนักงาน 5,000 คน ด้วยการเพิ่มศักยภาพและเสริมทักษะใหม่ๆ สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้าง เสนอคุณค่าเพื่อสร้างแรงจูงใจ ตลอดจนบริหารองค์กรให้ตอบสนองอย่างว่องไว รองรับการตัดสินใจของทีมงานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้สามารถส่งมอบคุณค่าผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่ทันใจ พัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าและผู้ใช้รถได้อยู่เสมอ
ข่าวเด่น